รมว.ยธ.โชว์ผลงานยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด 500 ล้าน

2020-08-21 16:00:24

รมว.ยธ.โชว์ผลงานยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด 500 ล้าน

Advertisement

รมว.ยุติธรรม และ ดีเอสไอ แถลงโชว์ผลงานยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด 500 ล้าน รวมผลงานไม่ถึงปีได้ 2,000 ล้าน หลังใช้เทคโนโลยีใหม่สืบค้นธุรกรรม ตั้งเป้าปีหน้าต้องยึดให้ได้ 6,000 ล้านตัดวงจรยาเสพติด

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ผอ.อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนายอุทัย สินมา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีแรงงานภาค 3 ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวนทางการเงิน เพื่อการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด (ครั้งที่ 6/2563) ร่วมกันแถลงข่าว “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด” ครั้งที่ 5/2563

นายสมศักดิ์ ระบุว่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ให้ไว้เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 ที่สั่งการให้ขยายผล เพื่อจับกุมนายทุน และผู้อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติด รวมถึงจัดตั้งกลไกการบูรณาการการปราบปรามยาเสพติด เพื่อสืบสวนขยายผลและยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด โดยดีเอสไอ เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ได้รับมอบหมายภารกิจในการสอบสวนเส้นทางการเงินของเครือข่าย น.ส.ชบา จนล่าสุดมีการปิดล้อม ตรวจค้น เป้าหมาย เครือข่ายยาเสพติด เพื่อตัดวงจรด้วยการยึดทรัพย์ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ใช้เทคโนโลยีในการสืบค้นธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัย โดยปฏิบัติการสืบสวน สอบสวนเครือข่ายยาเสพติดอย่างเข้มข้น เพื่อติดตามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทางกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถอายัดบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินที่เป็นทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์หรู กระเป๋าแบรนด์เนม เงินสดไทยและต่างประเทศรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปฏิบัติตัดวงจรยาเสพติดดำเนินการมาตลอด 7 เดือน ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการปรามปราบยาเสพติดให้ได้มากที่สุด จากปีก่อนสถิติการยึดทรัพย์ ที่ทำได้ทั้งปีเฉลี่ยเพียง 600 ล้านบาท แต่เมื่อเรานำวิธีการตัดวงจรมาใช้ไม่ถึง 1 ปี เราสามารถยึดได้กว่า 2,000 ล้านบาท ถือว่าเกินเป้ากว่าที่เรากำหนด การดำเนินงานในครั้งตนต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทำให้เราประสบความสำเร็จและในปีต่อไปเราจะทำงานให้เข้มข้นตามแนวทาง 10 X RULE ( ทำงาน 10 เท่า) ดังนั้นในปีหน้าเราจะตัดวงจรยาเสพติดให้ได้ 6,000 ล้านบาท


ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ยุทธการครั้งนี้ทางดีเอสไอใช้เวลาในการติดตามกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมากกว่า 3 เดือน และนำเทคโนโลยีสืบค้นธุรกรรมทางการเงินมาใช้เพียง 2 เดือนสามารถเริ่มปฏิบัติการพร้อมกันได้ถึง 5 จุด ใน จ.ชลบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ 2 จุด คือ เขตบางเขน และตลิ่งชัน โดยจุดที่สามารถอายัดทรัพย์สินได้มากที่สุดในการลงพื้นที่ คือ เขตตลิ่งชันได้ทองคำแท่งน้ำหนักประมาณ 1,000 บาท พระเครื่องและสร้อยทองคำรวม 35 รายการ เครื่องประดับอื่นอีก 10 รายการ และยังพบธนบัตรไทยและธนบัตรต่างชาติอีกประมาณ 1 ล้าน 2 แสนบาท และมีบัญชีธนาคาร 65 บัญชี มูลค่า 50 ล้านบาท บ้านพร้อมที่ดิน 85 รายการ มูลค่า 340 ล้านบาท รถยนต์ 97 คัน มูลค่ากว่า 83 ล้านบาท ทองคำ1,064 บาท มูลค่ากว่า 31 ล้านบาท พระกรอบทองพร้อมสร้อยทอง 30 รายการ มูลค่ากว่า 2 ล้าน กระเป๋าแบรนด์เนม 11 ใบ มูลค่ากว่า 8 แสนบาท เครื่องประดับ มูลค่า 5 แสนบาท นอกจากนี้ยังพบเงินสดสกุลต่างๆ อาทิ เงินดอลลาร์ เงินกีบลาว เงินดองเวียดนาม รวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้าน 2 แสนบาท และรวมมูลค่าการยึดทรัพย์ ทั้งสิ้นกว่า 500 ล้านบาท 

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เรายังสามารถเข้ายึด อายัดไม้แปรรูป ใน จ.สมุทรสาครได้อีกจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งในขณะนี้ดีเอสไอ ได้ส่งมอบให้กรมป่าไม้ ตรวจสอบว่าไม้เป็นชนิดใด มีปริมาณเท่าใด หากพบว่าเป็นไม้ที่ไม่ถูกต้อง ดีเอสไอจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ตนขอยืนยันว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงาน และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้ให้ได้รับการลงโทษตามกฎหมายอย่างหนักต่อไป


น.ส.รัศมี สีตลวรางค์ ผอ.ส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ2 ดีเอสไอกล่าวว่า กลุ่ม น.ส.ชบาฯ ทำหน้าที่รับเงินจากบุคคลอื่น เบื้องต้นพบว่ามีกว่า 60 คน โดยบัญชีที่มีเงินโอนเข้ามามากที่สุดในรอบ 1 ปี มีหมุนเวียนประมาณ 100 ล้านบาท เเละในบัญชีอื่นๆทำธุรกิจเเตกต่างกันไป เช่น สถานบันเทิงและธุรกิจผิดกฎหมายในหลายพื้นที่ หลังจากรับเงินมาเเล้ว น.ส.ชบา จะโอนเงินไปให้บุคคลอื่นต่อหลาย 10 บัญชี โดยขณะนี้มีชื่อบัญชีปลายทางเเล้ว ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ขยายผล เเต่ส่วนใหญ่พบเป็นชื่อบัญชีคนไทย เเละมีชาวต่างชาติประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มีเงินหมุนเวียนของเครือข่ายนี้กว่า 10,000 ล้านบาท