แพลนลูกคนที่ 2 "เจมส์ เรืองศักดิ์" รับห่วง "น้องเมดา" ทุกฝีก้าว

2020-08-20 17:30:53

แพลนลูกคนที่ 2 "เจมส์ เรืองศักดิ์" รับห่วง "น้องเมดา" ทุกฝีก้าว

Advertisement

วางแพลนมีลูกคนที่ 2 แล้วสำหรับนักร้องนักแสดงหนุ่ม ”เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” ซึ่งตอนนี้ "น้องเมดา" เริ่มโตและใกล้เข้าโรงเรียนแล้ว แต่ดูท่าคุณพ่อเจมส์จะค่อนข้างกังวลกับการไปโรงเรียนครั้งแรกของลูก เพราะเจ้าตัวขึ้นชื่อเรื่องของการติดลูกเป็นอย่างมาก งานนี้พอเจอเจ้าตัวในงานบวงสรวงซีรีส์ "เสน่หาสตอรี่" เลยสองถามถึงเรื่องนี้ ได้ความว่า

ก่อนหน้านี้บอกว่าจะงดรับงาน แต่ก็มารับเรื่องนี้ ?
ใช่ครับ เพราะน้องเมดาเริ่มเข้าขวบกว่าๆ แล้ว ไม่ใช่เด็กแบเบาะแล้ว เดินได้ วิ่งได้ ตอนนี้ก็เลยขออนุญาตลูกแล้ว เพราะคิดว่าไม่อยากจะทิ้งวงการบันเทิงไปเลยครับ ก็เลยคิดว่าปีนึงจะรับสัก 1-2 เรื่อง และเรื่องนี้ก็เป็นการถ่ายแบบสั้นๆ ด้วย ก็เลยรับ คือก่อนจะมีลูกเราถ่ายละคร 7 วัน แต่ตอนนี้เราอาจจะถ่ายละครได้เต็มที่ก็สัก 3 วัน ที่เหลือก็อาจจะมีรับคอนเสิร์ต เพราะอยากจะจัดสรรเวลา มีเรื่องของครอบครัว เรื่องของลูกให้เป็นส่วนใหญ่ด้วย





เลือกครอบครัวมาอันดับหนึ่งเลย ?
คือไปอ่านงานวิจัยตัวนึงเขาบอกว่าเด็กอายุ 1-3 ขวบเป็นช่วงสำคัญมาก ถ้าหากว่าเราไม่ให้เวลาเขาตอนนี้ หลังจากนี้เขาอาจจะไม่อนุญาตให้เราให้เวลากับเขาแล้ว ก็เลยคิดว่าเรายอมตรงนี้ดีกว่า



พัฒนาการน้องเป็นยังไงบ้าง ?
กำลังน่ารักมากครับ การเรียนรู้ของเขา การพูด การจำของเขามีพัฒนาการที่ดี และมีความผูกพันกับพ่อแม่มากเลยครับ ก็เลยรู้สึกว่าต้องให้เวลากับเขาให้เต็มที่ที่สุด

กลายเป็นคนติดลูกไปแล้ว ?
โอ้โห ต้องเรียกว่าคุณแม่เขายังบอกว่าปล่อยๆ บ้าง (หัวเราะ) ย่าแทบจะไม่ให้แตะแล้วตอนนี้ คือเรากังวลไปหมดว่าจะล้มมั้ย หน้าจะคว่ำมั้ย โน่นนี่มั้ย เพราะ 1 ก.ย.นี้เขาจะเปิดเรียนแล้ว เป็นหลักสูตรก่อนเตรียมอนุบาล เราก็บอกคุณครูว่ามีให้ผู้ปกครองเข้าไปเรียนด้วยได้มั้ย ด้วยความว่าอยากจะไปดูแลเขาที่โรงเรียน แต่โรงเรียนเขาก็ดีนะ ให้ผู้ปกครองเข้าไปนั่งเรียนด้วย ก็คิดว่าสัก 6 เดือนหรือ 1 ปี ถ้าเขาเริ่มปรับตัวได้ก็จะปล่อยให้เขาไปเรียนคนเดียว





เราเป็นห่วงอะไร ?
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันครับ เรานึกว่าคนเป็นแม่จะกังวลมากกว่า แต่กลายเป็นคนเป็นพ่อกังวลมากกว่า เพราะกลัวว่าถ้าละสายตาเราไปแล้ว คนอื่นเขาจะระวังลูกเราอย่างที่เราระวังเขามั้ย ซึ่งอันนี้มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย (หัวเราะ) เพราะบางทีถ้าเราไประวังมาก เขาก็อาจจะไม่ได้พัฒนาไปอย่างถูกต้อง ผมก็เลยต้องพยายามทำใจให้แข็งๆ ไว้ครับ

ถ้าวันที่ลูกเข้าโรงเรียนจริงๆ เราไม่ร้องไห้เลยเหรอ ?
ก็กลัวอยู่เนี่ย นี่ยังนั่งคุยกับแอน อลิชา ตลอดว่าเป็นยังไงบ้าง วันแรกของลูกไปโรงเรียนแอนก็ร้องห่มร้องไห้ ผมก็คิดในใจว่าครูก้อยไม่น่าจะร้อง ผมนี่แหละที่น่าจะร้องและน่าจะกังวลมาก (หัวเราะ) แต่ก็โอเคครับ เราต้องใจแข็ง



ครูก้อยมีปรามข้างมั้ยว่าให้ลดลงมาหน่อย ?
ปรามทุกวัน เขาบอกพี่ต้องปล่อยบ้าง เราก็พยายามปล่อยนะ เวลาไปเดินห้างก็ให้เขาเดินเอง ทำเป็นไม่มองบ้าง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ ต้องเข้าไปประคอง เข้าไปอุ้ม แต่สุดท้ายแล้วค้นพบว่าควรให้ล้มบ้าง ควรให้มีบาดแผลบ้างเขาจะได้จำ



เราเลี้ยงลูกเป็นไข่ในหินเลยใช่มั้ย ?
คือไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น แต่ด้วยความที่เป็นห่วงครับ และเรากังวลตัวเอง มันก็อาจจะมีแบบนั้นบ้างครับ



ที่ห่วงด้วยความที่เป็นลูกสาวด้วยหรือเปล่า ?
ก็ด้วย นี่ยังคิดเลยว่าตอนเล็กๆ ยังขนาดนี้ ถ้าเริ่มเป็นสาว เริ่มวัยรุ่นมีเพื่อน ยังนึกภาพไม่ออกเลย (หัวเราะ)

เราค่อนข้างสปอยล์ลูกด้วยใช่มั้ย ?
จริงๆ ไม่สปอยล์นะครับ แต่เป็นห่วงความปลอดภัย วัยเด็กเราเป็นห่วงที่สุดคือจะล้มหน้าคว่ำ ล้มไปจับไฟฟ้า ไปโดนอะไรอันตราย แต่ไม่ตามใจนะ อันไหนที่บอกว่าไม่ได้คือไม่ได้



ลูกติดพ่อหรือติดแม่มากกว่ากัน ?
ติดแม่มากกว่า เพราะพ่อไม่มีนม วัยนี้กำลังต้องการนม แต่เขาจะชอบอยู่กับพ่อ เพราะพ่อชอบถาม ถ้าเขาตอบได้เขาก็จะดีใจ เพราะได้รับคำชม

ที่เราห่วงลูกขนาดนี้ เพราะเคยมีเหตุการณ์อะไรมาก่อนหรือเปล่า ?
คือเดินๆ อยู่นี่แหละ ล้มหน้าคว่ำก็เคยมีครั้งนึง โชคดีไม่เป็นอะไรมาก แค่ถลอกหน่อยๆ

เรากลัวลูกเสียโฉม ?
ก็ไม่ถึงกับกลัวเสียโฉม แต่กลัวว่าถ้าปากเขาเจ็บจะกินอะไรไม่ได้



ลูกคนที่สองมีแพลนหรือยัง ?
มีแพลนแล้วครับ เพราะความตั้งใจจริงๆ ผมอยากได้สามคน แต่คุณก้อยบอกว่าสองก็แล้วกัน แต่เราก็ชัดเจนเลยว่าเราใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ครูก้อยเองก็กำลังเข้าสู่ขั้นตอนของการบำรุงไข่ บำรุงมดลูกต่างๆ ผมก็เริ่มบำรุงสเปิร์มแล้วตอนนี้ (หัวเราะ) เลือกทานอาหารมากขึ้น

ครั้งต่อไปนี่จะเลือกเพศเลยมั้ย ?
เราไม่สามารถเลือกเพศได้ในเชิงกฎหมายนะครับ แต่เราก็บำรุงตัวเองให้แข็งแรงที่สุดครับ

อยากได้ผู้ชายหรือผู้หญิง ?
ตอนนี้ครึ่งๆ พอเห็นเด็กผู้ชายก็ชอบ แต่พอเราเลี้ยงน้องเมดาแล้วเรารู้สึกว่าถ้ามีผู้หญิงสองคนเราคงมีความสุขมากเลย แต่อีกใจพอเห็นเด็กผู้ชายน่ารักๆ ก็อยากได้ เลยยังครึ่งๆ กลางๆ อยู่

คิดว่าน่าจะทันปีนี้มั้ย ?
น่าจะปีหน้า ปีนี้เป็นเรื่องของการบำรุง ตอนนี้ก็ปรึกษาคุณหมอเรียบร้อยหมดแล้วครับ เพราะครูก้อยเองเป็นคนที่ศึกษาเรื่องของผู้มีบุตรยากมา ก่อนหน้านี้ก็ทำเพจเบบี้แอนด์มัม เลยทำให้เขาดูแลตัวเองได้ด้วย



ตื่นเต้นเท่าครั้งแรกหรือเปล่า ?
คิดว่าความตื่นเต้นอาจจะน้อยกว่า แต่ความคล่องตัวน่าจะมากขึ้น เพราะเราผ่านประสบการณ์คนแรกแล้ว เราก็จะรู้แล้วว่าอุ้มยังไง แรกๆ นี่เก้ๆ กังๆ

ครูก้อยแอบกังวลอะไรบ้าง ?
ถ้ากังวลก็คงเป็นเรื่องของโรคต่างๆ แต่คิดว่าในช่วงปีหน้าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายขึ้นแล้ว ก็อยู่ในช่วงที่เราก็จะมีลูกพอดี

ที่ยังไม่มีปีนี้เพราะด้วยโรคต่างๆ ด้วยหรือเปล่า ?
ไม่ใช่ปัจจัยหลักครับ แต่เพราะน้องเมดายังไม่หย่านม ขวบกว่าก็ยังร้องขอกินเต้าแม่ทุกวันอยู่เลย คือครูก้อยก็น่าเห็นใจมากเวลาที่เขาต้องให้นมลูกเขาก็ต้องหยุดทำทุกอย่างเลย ก็เป็นปีหน้าครับ ตอนนี้ก็เก็บเงินไปก่อน