พท.ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อ ครม.ปมวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมือง โดยไม่มีการลงมติ
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่รัฐสภา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่น "ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อ ครม.ในเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมือง โดยไม่มีการลงมติ" ต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร
โดยเนื้อหาในญัตติระบุว่า สถานการณ์ของประเทศในขณะนี้มีความน่าเป็นห่วงในทุกด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางด้านการเมืองที่มีความน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยหดตัวอย่างรุนแรง เป็นผลให้เศรษฐกิจไทยที่แย่มาก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19แล้ว ต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากขึ้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภคภายใน และการลงทุนที่เกิดการหดตัวอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะทางการคลังของรัฐบาลยังมีความเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นการก่อหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งการที่รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินจำนวนมากเพื่อนำมาใช้ในการเยียวยาและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากโควิด-19 เป็นผลให้หนี้สาธารณะ ณ สิ้นปี 2561 คาดว่าจะสูงถึงร้อยละ 58 หรือสูงเกินกรอบความยั่งยืนทางการคลังหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามประมาณการ
ในขณะที่รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็ได้เกิดสถานการณ์ทางการเมืองขึ้นมาแทรกซ้อน อันเป็นผลมาจากความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลในการเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่มิได้อยู่บนหลักนิติธรรม และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ประชาชนเห็นว่าถูกออกแบบมาเพื่อคำยืนยันการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ จึงเกิดการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการข่มขู่คุกคามประชาชน จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน และยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนอันเป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองที่อยู่ในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลกลับฉวยโอกาสใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มขู่คุกคามและจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม ทำให้ความสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่มีมากอยู่แล้วต้องตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกส่งผลให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยากยิ่งอยู่แล้วต้องทวีความยากขึ้นตามลำดับ
ด้วยเหตุดังได้กราบเรียนมา ข้าพเจ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่าสถานการณ์ของประเทศมีความน่าเป็นห่วงและเปราะบางเป็นภยันตรายอย่างยิ่งต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงเข้าชื่อกันเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อ ครม.โดยไม่มีการลงมติ จึงกราบเรียนมาเพื่อขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กรุณาดำเนินการให้ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไปด้วย
ดังนั้น จึงขอเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปดังกล่าวมาเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อ ครม. และให้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป ส่วนเหตุผลและรายละเอียดจะได้ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป