นายกฯ ลั่นไม่ได้เป็น"เผด็จการ" วอนอย่าก้าวล่วงสถาบัน

2020-08-19 17:10:47

นายกฯ ลั่นไม่ได้เป็น"เผด็จการ" วอนอย่าก้าวล่วงสถาบัน

Advertisement

นายกฯ ยันไม่ได้เป็น "เผด็จการ" วอนคนเห็นต่างอย่าก้าวล่วง "สถาบัน" หวั่นคนเจตนาไม่ดีฉวยโอกาสทำร้ายประเทศ

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า ขณะนี้เรายังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ถือเป็นวิกฤติทั่วทั้งประเทศ แม้กระทั่งในต่างประเทศก็เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ยังเจอกับปัญหาการเมืองด้วย ทั้งนี้รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ทั้งสองมิติให้ดีที่สุด โดยการประชุมวันนี้เป็นการหารือในมิติเศรษฐกิจและสุขภาพที่จะเดินหน้าควบคู่กันไปให้ได้ เพื่อเตรียมการขับเคลื่อนประเทศไปสู่มาตรการผ่อนคลายระยะที่ 7

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีการดำเนินการกับผู้ชุมนุมทางการเมือง ว่า ขอยืนยันว่าตนไม่ใช่เผด็จการ และเข้ามาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย ส่วนที่จะแก้รัฐธรรมนูญก็ว่ากันต่อในอนาคต แต่ขออย่าก้าวล่วงในส่วนของสถาบัน เชื่อว่าในทุกประเทศคงเผชิญสถานการณ์เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ตนกังวลในขณะนี้ คือ หากเกิดความวุ่นวายขึ้น อาจมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่มีก็ตาม เหมือนอย่างที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว อยากให้มองไกลไปอีกนิด ว่านี่คืออนาคตของทุกคน อนาคตอยู่ที่ประเทศชาติ หากสถานการณ์บานปลายไปเรื่อยๆ และทุกคนมุ่งหวังให้เกิดความรุนแรงโดยให้เจ้าหน้าที่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ สิ่งที่เกิดตามมา คือ ความไม่สงบเรียบร้อยจนอาจทำให้กลับไปสู่สถานการณ์เดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว




นายกฯ กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนมองว่าเด็กเป็นพลังที่บริสุทธิ์ อาจมีส่วนหนึ่งที่ไม่เข้าใจแล้วถูกชักนำ ขอให้ทุกคนมองถึงอนาคตเด็กว่า ผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องมองถึงอนาคตของเด็กในวันหน้า ตนเห็นหัวข้อในการเรียกร้องซึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลายข้อเป็นไปไม่ได้ แต่อาจทำให้เด็กเกิดความคาดหวัง เช่น การยกเลิกการไหว้ครู ไม่ต้องเคารพครู ไม่เคารพพ่อแม่ ตนถามว่าหากไม่ใช่ตนแต่เป็นคนอื่นที่เข้ามา สิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ จะมีใครที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ประเทศอาจล่มสลาย แกนนำหรือสถาบันครอบครัว และสถาบันการศึกษา คงล้มหมดนี่หรือคืออนาคตของชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การที่สื่อให้ข่าว และขยายข่าว บางครั้งขอให้ดูข้อเท็จจริงด้วย ไม่ใช่เล่นข่าวซ้ำจนรู้สึกว่ามากเกินไป การประเมินสถานการณ์ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ตนให้ความสำคัญทั้งหมด เพราะทั้งหมดคือประเทศของเรา การที่ไปส่งเสริมให้มีการเคลื่อนไหว หากมองอีกมุมหนึ่งถ้ามีคนเจตนาไม่บริสุทธิ์ต้องการให้เกิดความรุนแรงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กฎหมายและเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไรหากถึงเวลานั้นเด็กจะเป็นกันชนให้กับเขาหรือไม่ นั่นคืออันตรายที่จะเกิดกับเด็ก ขอให้ทุกคนสำนึกในเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่มีนโยบายในการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา โดยเราจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ รัฐบาลไม่ได้ห้ามการชุมนุม แต่ขอให้ชุมนุมโดยสันติ ไม่ใช่เพียงแค่การไม่ใช้อาวุธไม่ใช้ความรุนแรง แต่หมายรวมถึงการอาฆาตมาดร้าย และการด่าหยาบคาย ซึ่งตนคิดว่าไม่เคยเกิดในสังคมไทย



นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากสื่อนำเสนอข่าวเปิดเวทีไปเรื่อยๆ จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสับสนวุ่นวายไปทั้งหมด เวลานี้ทั่วโลกได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ทั้งสิ้น ตนไม่อยากให้ใครมาใช้ประโยชน์ในช่วงที่ประชาชนมีความอ่อนไหว อย่าเอาทุกอย่างมาโยงกัน จนสุดท้ายก็บอกว่ารัฐบาลไม่ดี เช่น ข้อเรียกร้องที่บอกว่าทุกคนจบมาต้องได้เดือนละห้าหมื่นนั้น ไม่มีที่ไหนทำได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในข้อเท็จจริง ตนฝากไปถึงนักศึกษาครูอาจารย์และนักการเมืองที่อาจมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ตนเคารพความเห็นต่าง และจะใช้อำนาจของตัวเองให้น้อยที่สุด แต่เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็นก็จะใช้อำนาจในทางสาธารณสุข เพราะกฎหมายปกติดำเนินการไม่ได้ นี่คือสิทธิเสรีภาพของทุกคน แต่ต้องไม่ก้าวล่วงคนอื่น นี่คือสิ่งที่สังคมไทยต้องไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง