โอมเพี้ยงคานทองจงหายไป "ต่าย อรทัย" ไม่อยากโสดหนุ่มๆ โปรดทราบ !! (มีคลิป)

2020-08-19 14:15:03

โอมเพี้ยงคานทองจงหายไป "ต่าย อรทัย" ไม่อยากโสดหนุ่มๆ โปรดทราบ !! (มีคลิป)

Advertisement

"ต่าย อรทัย" เผยความรู้สึกหลังสูญเสียคุณยาย พร้อมอัพเดตสถานะหัวใจ ยอมรับกลัวโสดตลอดชีวิต !!!



นักร้องลูกทุ่งสาวขวัญใจแฟนๆ ค่อนประเทศ "ต่าย อรทัย" วันนี้จะมาอัพเดตความรู้สึกหลังสูญเสียคุณยาย แต่เพราะพิษโควิด 19 ทำให้ไม่ได้ไปดูใจก่อนจากกันไกลแสนไกล แถมงานหด รายได้หาย ชวดเงินไปหลายล้านบาท พร้อมเผยสถานะหัวใจก็ยังไม่แน่นอน ยอมรับกลัวเป็นโสดตลอดชีวิตเอามากๆ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow 




เมื่อเดือนเมษายน คุณต่ายได้เสียคุณยายทองคำ อายุ 107 ปี ตอนนี้ทำใจได้หรือยัง ?
ต่าย : ถ้าไม่มีคนมาถามก็ไม่เป็นไร มันจะรู้สึกจุกเพราะเป็นคนที่เราผูกพันมาก เหมือนเป็นคุณแม่อีกคนหนึ่งก็ได้



เห็นว่าตอนคุณยายจะเสีย พี่ต่ายไม่มีโอกาสร่ำลาเลยเหรอ ?
ต่าย : ไม่ได้อยู่กับท่าน ตอนวันที่คุณยายจะจากพวกเราไป แต่จริงๆ ก่อนหน้านั้นต้นปี เมื่อ ก.พ.-มี.ค. ยายเข้าโรงพยาบาล เนื่องจาคโรคชรา ก็จะส่งสัญญาณนู่นนี่นั่น ทานข้าวไม่ได้ ความดันขึ้น หายใจไม่ออก ช่วงนั้นทัวร์คอนเสิร์ตได้กลับขึ้นไปเยี่ยมคุณยายที่โรงพยาบาล พอดีขึ้นก็กลับมาอยู่ที่บ้านรักษาตัว ช่วงเมษายนเริ่มเหนื่อยอีก ทางบ้านก็ช่วยให้ท่ออ็อกซิเจนให้คุณยายหายใจ แต่ก่อนหน้านั้น 2 วันที่คุณยายจะจากไป คุณแม่ตัดสินใจโทร.มาก็เลยคุยกัน ไม่เคยได้ยินเสียงคุณยายหายใจดัง คุณยายพูดไม่ได้แล้วแต่ได้ยินทุกอย่าง



เห็นว่ามีวินาทีที่พี่ต่ายได้ยินลมหายใจเฮือกสุดท้ายของคุณยายด้วย ?
ต่าย : ใช่ค่ะ



ใจหายไหม ?
ต่าย : ก็สตั้นท์อยู่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เราทำใจแล้ว

วันตั้งศพคุณยายก็เป็นช่วงโควิดไม่มีโอกาสได้ไป ?
ต่าย : ไม่ได้ไปเลย 15 เมษายน เป็นวันที่ทุกคนออกจากบ้านไม่ได้ เราต้องไปตรวจสุขภาพ ถามทุกทางเลย ก็ปรึกษา กลับไม่ได้นะลูก ถ้ากลับไปก็ต้องกักตัว 14 วัน สุดท้ายก็ต้องทำบุญที่กรุงเทพฯ แทน



ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง รักท่านมาก แต่ไปร่วมงานไม่ได้ เสียใจไหม ?
ต่าย : เสียใจอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ได้แต่ทำใจยอมรับ สุดท้าย 100 วันก็ต้องเก็บสรีระคุณยายไว้ที่วัดตามเจตนารมณ์ของคุณยาย



สุดท้ายคุณต่ายได้ไปไหม ?
ต่าย : มีเดือนมิถุนายนที่เริ่มปลดล็อกแรกได้ไปประมาณวันที่ 27 ไปทำบุญ จะมี 1 วันใน 1 เดือนที่มีการทำบุญใหญ่ครั้งหนึ่ง แล้วก็ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นพิธีฌาปนกิจศพคุณยายอย่างเป็นทางการ



ตอนนี้จิตสงบหรือยัง ?
ต่าย : ก็ดีมากขึ้นก็มีบางช่วง บางตอน บางเวลา บางทีก็ร้องไห้ คิดถึง

วันเผาพี่ต่ายมีโอกาสได้อ่านกลอนให้กับคุณยายด้วย อ่านทั้งน้ำตาด้วย ?
ต่าย : ตอนนั้นบอกไม่ถูกเหมือนกัน มันอัดอั้นอยู่ลึกๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งร้องไห้

พี่ต่ายสนิทกับคุณยายแทบจะสนิทมากกว่าคุณแม่ด้วยซ้ำ ?
ต่าย : เห็นคุณยายตั้งแต่เกิด แล้วคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน คุณแม่ต้องหาเงินส่งให้ลูกเรียน คุณพ่อก็ยังทำหน้าที่ แค่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็มีคุณยายมาทำหน้าที่ ก็อยู่ในช่วงที่เรารู้สึกเหงา ก็มีคุณยายนี่แหละที่สนิท คุณแม่ก็สนิท



จริงๆ ร้องเพลงมาเยอะมาก แต่มีอยู่เพลงนึงที่ร้องกี่ครั้งก็มาพร้อมน้ำตา ร้องไม่จบ ?
ต่าย : ฝากเพลงถึงยาย ครูสลาแต่งไว้ 3 ปีกว่าครูจะแต่งจบ มันร้องไปสักพักมันก็เริ่มจุกขึ้นมา เหมือนเราจะบอกท่านทุกคนว่ายายดีใจไหมที่วันนี้เราทำทุกอย่างแล้ว ยายโอเคไหม เราได้ออกทีวี ดีใจหรือเปล่า

ตอนนี้คิดว่ายายภูมิใจกับเราหรือยัง ?
ต่าย : เคยถามนะคะ หลายๆ คนไปสัมภาษณ์คุณยาย ยายบอกดีใจ ชีวิตมันก็ดีขึ้น หลานดูแลดี ได้ทำบุญ ทำอะไรอย่างที่อยากทำ

อยากบอกอะไรกับคุณยาย ?
ต่าย : เท่าที่ทราบ พอเป็นศิลปินแล้ว สัมผัสได้ว่าท่านทำในสิ่งที่ท่านตั้งใจ ได้สานต่อเจตนารมณ์ของคุณยายในช่วงที่ท่านยังอยู่ ก็ดีใจมากแล้ว ก็บอกคุณยายตลอดก่อนที่คุณยายจะเสียว่าไม่ต้องห่วงอะไรใดๆ แต่วันนี้ก็เหมือนกันถ้าคุณยายรับทราบ ไม่ต้องห่วงอะไรจริงๆ



ไม่ใช่แค่เรื่องคุณยายที่ทำให้คุณต่ายท้อ ไม่รู้ไปทำอะไรมา เสียเงินเป็นล้านเลยเหรอ ?
ต่าย : น่าจะเจอเหมือนกัน ช่วงโควิดนี่แหละ ปลายปี ต้นปี เราทำโชว์มันเป็นอะไรที่หล่อเลี้ยง เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีรายได้ เลี้ยงตัวเอง ทีมงาน ครอบครัว เราก็หวังว่ามีนาคม-เมษายน จะเอาทุนคืน สุดท้ายก็ไปหมดเลย เพราะโควิด

ตอนนั้นเครียดระดับไหน ?
ต่าย : มันก็เครียดจนไม่รู้จะไปยังไงต่อ ไปต่อไม่เป็นเหมือนกัน อยู่ดีๆ เหมือนมีอะไรมาทุบหัว เป็นปีที่ไม่ใช่แค่เราเอาทุนคืนไม่ได้จากการทำโชว์ มันเป็นปีที่เรารีโนเวทบ้าน มันบวกเข้าไปอีก เราตกลงกับช่างไว้แล้ว เริ่มลงเสา นู่น นี่นั่น ค่าใช้จ่ายตายตัวมันก็คือตายตัวจริงๆ เราไปลดไม่ได้ ความรู้สึกมีแต่เงินออกอย่างเดียวไม่มีอะไรเข้ามา

ที่บอกว่าค่าใช้จ่ายตายตัว นี่เท่าไหร่ ?
ต่าย : มันก็หลักแสนอยู่แล้ว



ปีนี้ถือว่าหนักสุดไหม ?
ต่าย : หนักเหมือนกัน แต่คงไม่ใช่มีแค่เรามั้ง เพราะเราเห็นชีวิตคนอื่นผ่านสื่อ ผ่านอะไร บางคนไม่สามารถเริ่มต้นอะไรได้อีกเลย เราไม่ได้เจอคนเดียว มันเป็นแรงผลักให้เรา ยังมีเพื่อนเนอะ ก็ช่วยได้เยอะอยู่

พี่ต่ายจะเปลี่ยนลุคบ้างไหม ?
ต่าย : อยากจะบอกว่าก่อนที่เราจะออกอัลบั้มชุดแรก เราแต่งตัวทุกสไตล์มาหมดแล้ว จะเป็นสายเดี่ยว กระโปรงสั้น สุดท้ายมันไม่คือ มันไม่ได้ ไม่เข้ากับบุคลิกของเรา



คุณต่าย โสดหรือไม่โสด ?
ต่าย : ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าสถานะอะไร แต่ขอให้มันชัวร์ๆ ก่อนดีกว่า

มีคนคุยอยู่ ?
ต่าย : แบบเพื่อนค่ะ ไม่ซีเรียส ยังไม่แต่งงาน

ที่เห็นเป็นคู่จิ้นกับคุณไผ่ไม่ใช่หรือ ?
ต่าย : คู่จิ้นก็คือคู่จิ้นค่ะ



คู่จริงเขามีอยู่แล้ว เรียกว่าแฟนได้ไหม ?
ต่าย : ยังไม่ถึงขนาดนั้น ต้องใช้เวลา อีกนานกว่าเราจะบอกได้ว่าเป็นอะไรจริงๆ

คนนี้คุยกันมาได้นานเท่าไหร่แล้ว ?
ต่าย : จริงๆ มันไม่ถึงขนาดคุย ก็เริ่มจากการทำงานนี่แหละ คุยกันเป็นเพื่อนเริ่มสนิทมากขึ้น ก็เริ่มจากตัวเขาก่อน คุยพิเศษมากขึ้น ถ้านับจริงๆรวมตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน เริ่มเข้ามาช่วยงานกันก็สองปี

แสดงว่าถ้าเกิดเราจะเลือกคู่เนี่ย เราใช้เวลานานมากในการเลือกใช่ไหม ?
ต่าย : มันไม่ได้เริ่มจากการอยู่ดีๆ มาจีบเป็นแฟน มันเกิดจากเรามีปัญหาเรื่องงาน แล้วเราหาที่ปรึกษา พอช่วยงานก็ยังเป็นเพื่อนร่วมงานกัน หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนจริงๆสนิทแล้วก็ พยายามจะขยับสถานะ เราก็ต้องดูท่าทีกันก่อนนิดนึงว่ามันจะไปด้วยกันได้แค่ไหน



แล้วเขาต้องทำยังไง ?
ต่าย : ก็ต้องดูกันไป ต้องศึกษากันไป

ตอนนี้เปิดใจไหมถ้ามีคนมาจีบ ?
ต่าย : ไม่ได้ปิดค่ะ ต่ายมองว่าเรื่องอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่ใช่เลือกซื้อของไม่ได้อันนี้เราเลือกอันนี้ แต่มันเป็นเรื่องของจิตใจของเราด้วยของเขาด้วย

เห็นบอกมาว่าพี่ต่ายอยากแต่งงานมาก ?
ต่าย : เราก็ขนาดนี้แล้ว แล้วลูกผู้หญิงด้วย เจอคำหนึ่งของคุณแม่ เมื่อ 4-5 ปีย้อนหลังไปก็คุยๆ ประมาณว่าแบบ อยากให้เรามีใครสักคนดูแล อยากให้มีลูก

พี่ต่ายมีสเปกไหม ?
ต่าย : ไม่เคยตอบเรื่องสเปกเลย ขอแค่เป็นคนหนึ่งที่เราอยู่แล้วปลอดภัย เราสบายใจ คบกันแล้ว เราจูนกันได้ พัฒนาไปเจอแต่เรื่องดีๆ




คลิปสัมภาษณ์ ต่าย อรทัย






ขอขอบคุณภาพจากเหล่าแฟนคลับ ต่าย อรทัย