"แชมเปญ เอ็กซ์" พลิกผันชีวิต หันหน้าสู่การเกษตร ทำไร่ทำสวนกว่า 200 ไร่

2020-08-19 09:55:19

"แชมเปญ เอ็กซ์" พลิกผันชีวิต หันหน้าสู่การเกษตร ทำไร่ทำสวนกว่า 200 ไร่

Advertisement

หันหลังหายหน้าห่างจากวงการบันเทิงไปกว่า 10 ปี สำหรับอดีตนางแบบเซ็กซี่และนักแสดงชื่อดังอย่าง "แชมเปญ เอ็กซ์" หรือ "จันทร์เพ็ญ ชุณห์ศรี" ที่ผันตัวเองไปเป็นเกษตรกรอย่างเต็มตัว ทำไร่ ทำนา และสวนผสม ร่วมกับสามีดีกรีนักบินอย่าง "แวน - วันชาติ ชุณห์ศรี" บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ของ 'ไร่วันจันทร์เพ็ญ' ที่ตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมือง จังหวัดสะแก้ว ด้วยความคิดถึง รายการต้มยำอมรินทร์ จึงได้เชิญสาวแชมเปญ เอ็กซ์ มาเยือนรายการ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตอนนี้ชีวิตแฮปปี้สุดๆมีคิดถึงแต่ก็วงการอยู่บ้าง



หายจากวงการบันเทิงไปกี่ปี ?

10 ปีกว่าค่ะ ไปทำสวนอยู่ที่จังหวัดสระแก้ว คือแบบนี้ค่ะ แม่ของสามีเขายกที่ดินแบ่งที่ดินให้ลูกชายเขาสี่คนใช่ไหมค่ะ แล้วสามีพี่เป็นคนที่สี่ แล้วเขาแบ่งให้คนล่ะ 120 ไร่ ตอนได้เราไม่ใช่จะดีใจนะ เครียดมาก คือเราจะทำอะไรดี ปลุกผักปลูกหญ้าก็ไม่เป็นนะ พอได้มาเราก็คุยกับสามีขายไหม เราคงทำอะไรไม่เป็นหรอก คงไม่ไหว เพราะตอนนั้นเราใช้ชีวิตอยู่แต่ในวงการ  แต่คือช่วงนั้นเศรษฐกิจก็ไม่ดี แล้วแม่ก็ป่วยก็ดูแลแม่ไปพอแม่เสียก็ไม่ได้ทำอะไร มีความสุขมา เราก็ไปเที่ยวแล้วก็ทำบุญ สามีก็ไม่ได้บินแล้วพอ 3-4 ปี หลังจากนั้นยกที่ให้เราก็ตกใจ พอเขายกให้ คือพอเราสวดมนต์ไปสวดมนต์มากขึ้น มันมีความคิดดีที่ดีออกมาว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย ที่เขายกที่ดินให้กับลูกหลานเพราะเขารักและเขาเป็นห่วง เพราะเผื่อวันหนึ่งที่ลูกหลานไม่มีที่ไปอย่างน้อยก็ได้มี พื้นนาน พื้นไร่ ที่เขายกให้ได้มีที่ทำกิน พี่ก็เลยคิดว่าควรจะทำสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินเรานะ เพราะเรายังมีแรงจะทำอยู่ สามีเราก็ยังแข็งแรง




สุดท้ายก็เลยเกิดขึ้นมาเป็น ไร่วันจันทร์เพ็ญ ?

ใช่ค่ะ จันทร์เพ็ญ คือชื่อเรา แต่แฟนเราชื่อ วันชาติ ก็เลยรวมกันได้ชื่อนี้



พอได้ชื่อไร่แล้วตอนนั้นตัดสินใจยากไหมว่าจะเริ่มปลูกอะไร ?

คิดอยู่นานมาก แล้วตอนนั้นคือ สามี เขาไปเจอเพื่อนเก่าเขาที่อยู่ซาอุ ว่า ชาติ คุณหลานปลุกยางสิ ลุง ปลุกยางมันขึ้นทุกวันเลยนะ มันไม่ยาก คือ ยางพารา นะคะ คือเราก็คิดเพราะเราไม่เคยปลูก คุณลุง บอกว่าไม่ยากหรอกเดี๋ยวลุงมาช่วย เราก็เลยตัดสินใจไปเรียนกับลุง ไปเรียนเองเลยค่ะ เขาก็สอนเราก็ไปจองกล้ายางเลย ตอนแรกเราลองปลุกร้อยไร่ก่อน เราก็จองกล้ายาง 8,700 กว่าต้น เราก็เลยลองถามคุณลุงว่า คือเราเรียนรู้ทำยังไง คือ คิดว่าเราจะจ้างคนมาก็จ้างคน จ้างตั้งแต่เหนือ ใต้ ออก ตก คือ ทุกคนบอกว่าจะมา สุดท้ายไม่มีใครมาเลยเพราะว่ายางมันขึ้นทุกวันๆทุกคนก็ปลูกของตัวเองหมด สุดท้ายไม่มีใครลุงบอก เรา ต้องทำเอง เราก็ ห๊ะ ทำเองแปดพันกว่าต้น เราก็ลงมือทำเลย ใส่เสื้อกล้ามลงกล้าปลูกเองเลย เพราะตอนนั้นเรายังหาคนงานไม่ได้ แล้วคือ ตอนนั้นสามีไปบิน



ลุงเขาแนะนำว่าให้เราไปหาซื้อหลอดที่ใช้สำหรับดูดชาไข่มุก มาเผื่อใส่คอยางเวลายางเวลายางมันโตกันไม่ให้ทรายมันเข้าเวลาฝนตกทรายมันโดนคอยางแล้วมันจะไหม้ แล้วมันจะตาย แล้วเราก็ต้องขุดต้องปลุกให้คนงานดูด้วย เป็นคนในหมู่บ้านที่เราอยู่เลยค่ะ เราเหมือนจะสร้างรายได้ให้เขา แต่เราก็ไปขอควงามช่วยเหลือเขาด้วย

สุดท้ายแปดพันกว่าต้นรอดไหม ?

ตายไปพันกว่าต้น เพราะว่าฝนมันตก แล้วเราก็ไม่รู้ว่าพื้นดินตรงนั้นด้วย แล้วเราก็ซ้อมๆให้ดินตรงนั้นดีขึ้นที่ทำให้ต้นไม้ตาย เราก็ใส่ปุ๋ยใส่อะไรเต็มที่เลย พอผ่านไปหนึ่งปี สายป่านขาดเพราะเราหมดทุนด้วย แล้วคือ ช่วงนั้นน้ำท่วมที่กรุงเทพด้วย ที่ประเทศไทย เราก็เลยปรึกษาสามีว่า หรือเราจะปลูกข้าวแทนดี เขาก็บอกว่าดีๆปลูกข้าว ปลูกไม่สวยไม่เป็นไรเพราะเราปลูกไว้กินเอง




แปลว่ายางที่เราปลูกตัดทิ้งหมดเลยใช่ไหม ?

ไม่หมดค่ะ เอาที่ส่วนที่มันเสียออก ตรงที่ชื้นแฉะเราก็ปลุกเป็นนาไป ปลูกข้าวไปค่ะ เราก็ปลูก 10 ไร่ ข้าวได้ถังกว่าเอง แต่ตอนนี้เราคิดว่าเราจะปลูกข้าวสวยๆสัก 1 ไร่ ทำเป็นมุมถ่ายรูป แต่เพี้ยกินไม่ใช่เราไม่ดูแลนะคะ แต่พอแมลงพวกนี้ลงมันก็จะลงเร็วมาก เราแค่ไปบวชถือศีลแค่ 10 วันเอง เลยคิดว่าตรงไหนพังเราก็เอาไปซ่อม

เคยคิดไหมว่าจะเลิกทำแล้ว ?

ไม่เคยคิดพี่เพราะไม่เคยคิดจะถอยหลัง คิดแต่จะไปข้างหน้า ทำอะไรก็ทำให้สุดๆไปเลย



มีความสุขไหมเพราะชีวิตเราพกผันมากจากที่อยู่ในวงการบันเทิงแล้วต้องไปอยู่ตรงนั้น ?

มีความสุขนะคะ เพราะว่าเรามีคุณภาพชีวิตที่ดี ในน้ำมีปลา (แต่พี่ไม่ตกปลานะ) มะนาว ก็ได้ใช้ เพราะเราก็ปลูกเอง



ไม่คิดถึงแบบอาชีพหน้าที่การงานของเราเหรอ ได้แต่งตัวสวยๆมีคนชื่นชม ?

คิดว่าอิ่มตัวมาก ถามว่าคิดถึงไหม คิดถึงมาก แต่ทุกอย่างก็ตามยุคตามสมัยเนอะคะ เราก็ต้องเข้าใจยุคและสมัยโอกาสต่างๆนั้นๆด้วย ถ้ามีก็ทำแต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร



คือจากที่เราอยู่จุดเซ็กซี่สตาร์ แล้วเข้าไปอยู่ในโหมดสาวชาวสวน และ เข้าสู่สายธรรมะ ได้ยังไง ?

เริ่มแรกรู้จักอาเล็ก ธานินทร์ อินทรเทพ พาไปที่เมืองกาญฯ ตอนนั้นคือเราเป็นเหมือนภูมิแพ้ มันคั่นไปทั่วแล้วอาเล็ก ก็บอกว่ามีอาจารย์หลวงพ่อ อยากให้ เอ็กซ์ ตอนนั้น อาเข้าชวนอยู่เป็นปี เราก็เกรงใจเราเลยไป แล้วเราก็ไปเห็นพระอาจารย์เขาดูแลรักษาคนไข้ฟรีเขาไม่คิดอะไรเลย เราเห็นแบบนั้น เราเลยขอพระอาจารย์ว่าเรากินสมุนไพรด้วยได้ไหม พระอาจารย์ก็บอกว่ากินได้กินไปสิ เราก็กิน พอได้สัก 3-4 เดือน เราก็บอกหลวงพ่อว่าเราอยากจะช่วยงานเราทำอะไรได้บ้าง ขายส้มตำ เพราะมีลูกน้องทำส้มตำอร่อย พอทำให้ 2 เดือน ลูกน้องหนีกลับบ้านไปไม่บอกเราเลย เราก็ต้องตำเอง เราก็คิดว่าถ้าเราตั้งใจเป็นจิตอาสาขอให้เราตำอร่อยแล้วกัน จากนั้นทุกอาทิตย์เราก็ตำมาตลอด แล้วคือเราก็ตำอร่อยมาก ตอนนี้ก็เปิดร้านอาหารอยู่ที่บ้านนะคะ แต่เปิดโต๊ะเดียวกลัวโควิด เพราะเราทำคนเดียวด้วยค่ะ เลยขายโต๊ะเดียวพอ

เห็นเปิดร้านอาหารขายแบบนี้มีของมาให้ชิมด้วยไหม ?

มีน้ำพริกค่ะ พริกคั่วหัวฟาด คั่วเองเลยค่ะ โลโก้เป็นแม่มดขี่พริก ขวดล่ะ 130 บาทค่ะ สะอาด อร่อย แน่นอนค่ะ