"สามารถ" ผนึกกำลัง ส.ส.ภูมิใจไทย เสนอตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ เพื่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม กทม. อย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. และโฆษกอนุกรรมาธิการคมนาคมทางน้ำ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ เขต 2 พรรคภูมิใจไทย, นายมณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม. เขต 20 พรรคภูมิใจไทย, นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และนายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม. เขต 23 พรรคภูมิใจไทย ที่มีความเห็นขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาทำเขื่อนป้องกันกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไม่ให้น้ำท่วม หรือมีน้ำท่วมขังอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เนื่องจากตนได้รับเรื่องร้องทุกข์ และข้อมูลจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่แจ้งความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ผอ.ศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. กล่าวอีกว่า ด้วยภูมิศาสตร์ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งอยู่ภาคกลางตอนล่างของประเทศ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม สูงจากระดับน้ำทะเลปนกลางเพียง 1.5-2 เมตร และยังได้รับอิทธิพลจากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่สำคัญของประเทศเทศ จากข้อมูลจากกรมแผนที่ทางบกที่เคยสำรวจมาหลาย 10 ปี พบว่า พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กำลังทรุดตัวอย่างต่อเนื่องประมาณ 50-80 เซนติเมตร ขณะที่ข้อมูลระดับน้ำทะเลจากการวิเคราะห์และวิจัยของคณะกรรมการองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ให้ข้อมูลว่า ระดับน้ำในมหาสมุทรเริ่มมีอัตราเฉลี่ยสูงขึ้นทุกปี ปีละ 5-10 เซนติเมตร เนื่องจากสภาวะโลกร้อน ดังนั้นในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ปริมาณน้ำทะเลอาจสูงถึง 1.5 หรือ 2 เมตร หากเป็นไปตามข้อมูลที่ปรากฎ พื้นดินกรุงเทพฯและปริมณฑลจะต้องอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 1.5 หรือ 2 เมตร
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ปัญหาใหญ่ที่จะเกิดกับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ตามมา คือ น้ำเค็มที่เพิ่มสูงขึ้นจะไหลเข้าไปในคลองประปาทำให้คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่มีน้ำบริสุทธิ์ดื่ม หรือบริโภค นอกจากนี้จะทำให้การจราจรและการขนส่งรวมถึงเศรษฐกิจของกรุงเทพฯจะต้องหยุดชะงักหมด รวมทั้งโรงงานที่อยู่ใน จ.สมุทรปราการ, สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม นับหมื่นโรงงานจะไม่สามารถทำงานได้ และจะทำให้คนตกงานมากถึง 300,000 คน อีกทั้งการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนต่อปีต้องหยุดชะงักเพราะน้ำท่วม ถ้าไม่ทำการป้องกันตั้งแต่ปัจจุบันอาจไม่ทันการ เพราะการสร้างเขื่อนปิดปากอ่าวแม่น้ำใหญ่โดยให้มีช่องว่างระหว่างชายฝั่งทะเลปากอ่าวกับเขื่อนเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ จะต้องใช้เวลาก่อสร้างอย่างน้อย 5 ปี แม้จะลงทุนเป็นแสนล้านบาท แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งมีมูลค่าเป็นล้านล้านบาทในอนาคต
ผอ.ศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงควรตั้งองค์กรหรือหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบ โดยแต่งตั้งผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กรมธนารักษ์ กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานเขต เป็นต้น เพื่อร่วมกันศึกษาหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืนก็จะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จึงขอเสนอญัตติดังกล่าวมาเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาในเรื่องทำเขื่อนป้องกันกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่ให้น้ำท่วม หรือน้ำขังอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า เพื่อประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ตนและเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง และ เพื่อน ส.ส.อีกหลายท่าน ได้เสนอญัตตินี้เพื่อให้สภาผู้แทนราษฏรได้พิจารณาผลดี และผลกระทบให้รอบด้าน เพื่อเสนอรัฐบาลต่อไป ซึ่งตนมั่นในใจว่าถ้าโครงการนี้ทำการศึกษาแล้วเป็นผลดี จะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ทั้งสภา อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เน้นย้ำให้ ส.ส.พลังประชารัฐ แก้ไขปัญหาช่วยเหลือชาวบ้านทุกมิติอย่างเร่งด่วน