"สามารถ"ผนึก ส.ส.เสนอตั้ง กมธ.ป้องกันน้ำท่วม กทม.

2020-08-17 19:25:42

"สามารถ"ผนึก ส.ส.เสนอตั้ง กมธ.ป้องกันน้ำท่วม กทม.

Advertisement

"สามารถ" ผนึกกำลัง ส.ส.ภูมิใจไทย เสนอตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ เพื่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม กทม. อย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. และโฆษกอนุกรรมาธิการคมนาคมทางน้ำ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ เขต 2 พรรคภูมิใจไทย, นายมณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม. เขต 20 พรรคภูมิใจไทย, นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และนายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม. เขต 23 พรรคภูมิใจไทย ที่มีความเห็นขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาพิจารณาทำเขื่อนป้องกันกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไม่ให้น้ำท่วม หรือมีน้ำท่วมขังอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เนื่องจากตนได้รับเรื่องร้องทุกข์ และข้อมูลจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่แจ้งความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมเข้ามาเป็นจำนวนมาก






ผอ.ศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. กล่าวอีกว่า ด้วยภูมิศาสตร์ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งอยู่ภาคกลางตอนล่างของประเทศ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม สูงจากระดับน้ำทะเลปนกลางเพียง 1.5-2 เมตร และยังได้รับอิทธิพลจากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่สำคัญของประเทศเทศ จากข้อมูลจากกรมแผนที่ทางบกที่เคยสำรวจมาหลาย 10 ปี พบว่า พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กำลังทรุดตัวอย่างต่อเนื่องประมาณ 50-80 เซนติเมตร ขณะที่ข้อมูลระดับน้ำทะเลจากการวิเคราะห์และวิจัยของคณะกรรมการองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ให้ข้อมูลว่า ระดับน้ำในมหาสมุทรเริ่มมีอัตราเฉลี่ยสูงขึ้นทุกปี ปีละ 5-10 เซนติเมตร เนื่องจากสภาวะโลกร้อน ดังนั้นในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ปริมาณน้ำทะเลอาจสูงถึง 1.5 หรือ 2 เมตร หากเป็นไปตามข้อมูลที่ปรากฎ พื้นดินกรุงเทพฯและปริมณฑลจะต้องอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 1.5 หรือ 2 เมตร






นายสามารถ กล่าวต่อว่า ปัญหาใหญ่ที่จะเกิดกับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ตามมา คือ น้ำเค็มที่เพิ่มสูงขึ้นจะไหลเข้าไปในคลองประปาทำให้คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่มีน้ำบริสุทธิ์ดื่ม หรือบริโภค นอกจากนี้จะทำให้การจราจรและการขนส่งรวมถึงเศรษฐกิจของกรุงเทพฯจะต้องหยุดชะงักหมด รวมทั้งโรงงานที่อยู่ใน จ.สมุทรปราการ, สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม นับหมื่นโรงงานจะไม่สามารถทำงานได้ และจะทำให้คนตกงานมากถึง 300,000 คน อีกทั้งการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนต่อปีต้องหยุดชะงักเพราะน้ำท่วม ถ้าไม่ทำการป้องกันตั้งแต่ปัจจุบันอาจไม่ทันการ เพราะการสร้างเขื่อนปิดปากอ่าวแม่น้ำใหญ่โดยให้มีช่องว่างระหว่างชายฝั่งทะเลปากอ่าวกับเขื่อนเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ จะต้องใช้เวลาก่อสร้างอย่างน้อย 5 ปี แม้จะลงทุนเป็นแสนล้านบาท แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งมีมูลค่าเป็นล้านล้านบาทในอนาคต




ผอ.ศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงควรตั้งองค์กรหรือหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบ โดยแต่งตั้งผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กรมธนารักษ์ กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานเขต เป็นต้น เพื่อร่วมกันศึกษาหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืนก็จะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จึงขอเสนอญัตติดังกล่าวมาเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาในเรื่องทำเขื่อนป้องกันกรุงเทพฯและปริมณฑลไม่ให้น้ำท่วม หรือน้ำขังอย่างเป็นระบบและยั่งยืน




นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า เพื่อประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ตนและเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง และ เพื่อน ส.ส.อีกหลายท่าน ได้เสนอญัตตินี้เพื่อให้สภาผู้แทนราษฏรได้พิจารณาผลดี และผลกระทบให้รอบด้าน เพื่อเสนอรัฐบาลต่อไป ซึ่งตนมั่นในใจว่าถ้าโครงการนี้ทำการศึกษาแล้วเป็นผลดี จะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ทั้งสภา อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เน้นย้ำให้ ส.ส.พลังประชารัฐ แก้ไขปัญหาช่วยเหลือชาวบ้านทุกมิติอย่างเร่งด่วน