สื่อต่างชาติหลายสำนักทั้งบีบีซี, ซีเอ็นเอ็น และรอยเตอร์ รายงานเกาะติดสถานการณ์การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในไทย โดยระบุว่า ผู้ประท้วงชาวไทยกว่า 10,000 คน พากันชุมนุมในกรุงเทพฯ ตะโกนขับไล่ "เผด็จการ" และว่า "ประเทศเป็นของประชาชน" เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 มีการเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมือง
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ด้วย ซึ่งถือเป็นประเด็นอ่อนไหวมากในไทย ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายไทย ใครที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ มีโทษจำคุกยาวนาน
มีการประท้วงเกือบรายวัน ที่นำโดยนักศึกษาตั้งแต่เดือนที่แล้ว ซึ่งผู้นำการประท้วงหลายคนถูกจับกุมตัวด้วย แต่กลุ่มผู้จัด กล่าวว่า พวกเขาหวังว่า การชุมนุมในวันอาทิตย์จะแสดงให้เห็นพลังสนับสนุนมากขึ้นนอกจากกลุ่มนักศึกษา ซึ่งก็มีฝูงชนเข้าร่วมมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจและแกนนำม็อบประชาชนปลดแอก กล่าวในช่วงเย็นวันอาทิตย์ว่า มีผู้เข้าร่วมประท้วงประมาณ 10,000 คน
กลุ่มนักศึกษาส่งเสียงเชียร์กึกก้องกับเสียงเรียกร้องให้จำกัดพระราชอำนาจของกษัตริย์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นประเด็นต้องห้าม และเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อดีตผู้นำเผด็จการทหาร ลาออก, ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยุติการข่มขู่คุกคามนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้าน
นักศึกษาแกนนำผู้ประท้วง กล่าวต่อฝูงชนว่า พวกเราต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่ และรัฐสภาชุดใหม่ที่มาจากประชาชน ท้ายที่สุด ความฝันของเรา คือมีพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
ด้านน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว่า นายกรัฐมนตรีแจ้งความกังวลไปยังเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ประท้วงให้หลีกเลี่ยงความรุนแรง และพลเอก ประยุทธ์ได้สั่งให้คณะรัฐมนตรีเร่งสร้างความเข้าใจกับทุกกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักพระราชวังไม่ได้ออกมาแถลงอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
พลเอกประยุทธ์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า การเลือกตั้งถูกจัดขึ้นภายใต้กฎเกณฑ์ที่บูดเบี้ยว ซึ่งปูทางไปสู่การสืบทอดอำนาจอยู่แล้ว มีพรรคฝ่ายค้านบางพรรคถูกห้ามส่งผู้สมัครด้วย
ความไม่พอใจพอกพูนมากขึ้นจากข้อกล่าวหามีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างแพร่หลาย, การจับกุมแกนนำนักศึกษากรณีการประท้้วงก่อนหน้านี้ และปัญหาเศรษฐกิจที่เลวร้าย จากการระบาดของไวรัสโควิด-19