ประธานาธิบดีมิเชล อูน ผู้นำเลบานอน แถลงว่า มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะลาออกจากตำแหน่ง หลังมีเสียงเรียกร้องให้ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดมหาวินาศในกรุงเบรุตเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยถ้อยแถลงของเขามีขึ้นหลังจากรัฐบาลเลบานอน ลาออกยกชุดไปเมื่อคืนวันจันทร์ สัปดาห์ที่แล้ว หลังเกิดเหตุระเบิด ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 170 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 6,000 คน
นายอูน ซึ่งพูดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลาออกจากตำแหน่ง กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฝรั่งเศส บีเอฟเอ็ม เมื่อวันเสาร์ว่า “เป็นไปไม่ได้ เพราะการลาออกจะนำไปสู่การเกิดสุญญากาศทางอำนาจ รัฐบาลได้ลาออกแล้ว ลองนึกดูว่า ถ้าเขาลาออกอีกคน ใครจะรับประกันความต่อเนื่องของการใช้อำนาจบริหารประเทศ? หากเขาจะลาออก จะต้องจัดการเลือกตั้งให้ถูกต้องก่อน แต่สถานการณ์ในประเทศปัจจุบัน ไม่ได้เปิดช่องให้จัดการเลือกตั้งได้
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการสอบสวนเหตุระเบิด นายอูนอ้างถึงความยุ่งยากซับซ้อน โดยบอกว่า จะไม่แล้วเสร็จในเวลาอันรวดเร็วอย่างที่พวกเราต้องการ เขาได้ขอให้สภาตุลาการควบคุมและตรวจสอบการสอบสวน และเรียกร้องให้ตั้งคณะสอบสวนอิสระขึ้นมาทำการสอบสวนด้วย
เหตุระเบิดครั้งใหญ่ถล่มกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน ทำลายเมืองเสียหายยับเยินเป็นบริเวณกว้างและจุดชนวนให้เกิดการประท้วงรุนแรงต่อต้านรัฐบาล
ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หลังเกิดเหตุระเบิด นายกรัฐมนตรีฮันซัน ดีอับ ของเลบานอน ระบุว่า มันเป็นหายนะที่เกินกว่าจะประเมินได้ ระหว่างแถลงประกาศลาออกและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะด้วย
เลบานอนประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเลวร้ายมานานหลายเดือนแล้วก่อนเกิดเหตุระเบิด โดยค่าเงินดิ่งลงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว และธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ประชาชนครึ่งหนึ่งของประเทศ จะตกอยู่ในฐานะยากจนในปี 2563 และเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ประชาคมระหว่างประเทศให้คำมั่นว่า จะระดมเงินทุนประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9,300 ล้านบาท ช่วยเลบานอน ระหว่างการประชุมของประเทศผู้บริจาค ซึ่งมีประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ และมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และผู้นำอีกหลายประเทศเข้าร่วมด้วย