"รังสิมันต์" เปิดเอกสารตัวละครลับพา "สายประสิทธิ์" เจอ "พ.ต.อ.ธนสิทธิ"

2020-08-14 22:00:48

"รังสิมันต์" เปิดเอกสารตัวละครลับพา "สายประสิทธิ์" เจอ "พ.ต.อ.ธนสิทธิ"

Advertisement

"รังสิมันต์ โรม" เปิดเอกสาร ตัวละครลับผู้พา "ดร.สายประสิทธิ์" มาเจอ "พ.ต.อ.ธนสิทธิ" จนทำให้ความเห็นเรื่องความเร็วในคดี "บอส"เปลี่ยนไป

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเพจ Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ระบุว่า เปิดเอกสาร ตัวละครลับผู้พา "ดร.สายประสิทธิ์" มาเจอ  "พ.ต.อ.ธนสิทธิ" จนทำให้ความเห็นเรื่องความเร็วในคดี "บอส"เปลี่ยนไป

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมาในห้องประชุมณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดีบอส คนที่เปลี่ยนความเห็น เรื่องความเร็วจาก 177 เหลือ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีบอส อยู่วิทยา  ได้กล่าวในห้องประชุมกรรมาธิการฯ ว่ามีผู้บังคับบัญชาระดับสูงนำตัว ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาพบในห้องทำงานของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วย และนำสมมติฐานของคดีว่าเป็นวิธีใหม่ที่คำนวณได้ และนำส่งเอกสาร 10 หน้า ที่ระบุความเร็วที่ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะนั้นเจ้าตัวมีเวลาจำกัด และเกิดแรงกดดันจนทำให้มีการเปลี่ยนความเห็นเรื่องความเร็วต่อพนักงานสอบสวน  ทำให้ประเด็นดังกล่าวได้รับความสนใจและถูกตั้งคำถามจากสาธารณชน ว่าใครผู้บังคับบัญชาระดับสูงคนนั้น

พี่น้องประชาชนครับ คดีนี้เป็นมหากาพย์อันน่าอัปยศในกระบวนการยุติธรรมไทย ยิ่งค้นยิ่งเจอเรื่องแย่ ยิ่งสืบยิ่งเจอคนที่เกี่ยวข้องชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าทำได้ ผมในฐานะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้รับเอกสารชี้แจงลำดับเหตุการณ์ กรณีคำนวณความเร็วรถนายวรยุทธ อยู่วิทยา จาก พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ ซึ่งได้ระบุชื่อชัดเจน ว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงคนนั้นเป็นใคร ผมขอสรุปลำดับเหตุการณ์ให้พอสังเขปดังนี้นะครับ

1. พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น(ยศในขณะนั้น) เป็นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ 3 ก.ย. 2555และเป็นผู้ออกรายงานการตรวจพิสูจน์ยืนยันความเร็วที่ 177 กม./ชม. ลงวันที่ 26 ก.ย. 2555

2. หลังจากนั้นอีก 4 ปี คือเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2559 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สอบสวนสน.ทองหล่อ ได้เดินทางมาพร้อมกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. และอาจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขอเข้าพบ พล.ต.ท.มนู เมฒหมอก ผบ.สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ที่สำนักงาน ผบช.สพฐ.ตร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

3. ในวันเดียวกันนั้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ได้แนะนำอาจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ให้ผู้แทนกองพิสูจน์หลักฐานกลางทำความรู้จัก และแจ้งว่า อาจารย์สายประสิทธิ์ มีสมมติฐานอีกวิธีมานำเสนอการหาอัตราความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธ เป็นผู้ขับขี่ โดยนำเสนอรายงานการวิเคราะห์จำนวน 10 หน้า ระบุความเร็ว 79.22 กม./ชม. และได้มอบเอกสารดังกล่าวให้กับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง

4. ในวันเดียวกันนั้นได้มีการสั่งการให้ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น เข้าร่วมพิจารณากับ พ.ต.อ.วิรดล ในสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ซึ่งพ.ต.อ.วิรดล ได้ส่งเอกสารสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 14 ม.ค. 2559 โดยข้อความท้ายหนังสือดังกล่าวระบุว่าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.ท.ธนสิทธิฯ และส่งผลการสอบสวนให้พนักงานอัยการภายในวันที่ 12 ก.พ.2559 พ.ต.ท.ธนสิทธิ ได้มีการคำนวณความเร็วตามสมมุติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์ ในกระดาษอีกแผ่นซึ่งได้ค่าใกล้เคียงกัน พ.ต.ท.ธนสิทธิฯ ลงนามไว้ว่าเป็นการคำนวณของตนเอง

5. พร้อมกันนั้น พ.ต.อ.วิรดล ให้ พ.ต.ท.ธนสิทธิ ให้ปากคำเรื่องการคำนวณตามสมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์ โดยถามถึงความคลาดเคลื่อนที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการคำนวณตามรายงานการตรวจพิสูจน์ เมื่อ 26 ก.ย. 2555 ที่ได้ 177 กม./ชม. ซึ่งพ.ต.ท.ธนสิทธิ ได้ให้ปากคำว่าอาจเกิดขึ้นได้ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ ส่วนในเรื่องความคลาดเคลื่อนตามสมมุติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์ ในเวลานั้นซึ่งซึ่งพึ่งได้เห็นสมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์เป็นครั้งแรกจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีความคลาดเคลื่อนหรือความบกพร่องอย่างไร

6.พ.ต.ท.ธนสิทธิ ได้ให้ปากคำในวันนั้นจะถึงเวลาประมาณ 22.00 น. สุดท้ายจึงลงนามในเอกสารสองฉบับฉบับแรกลงวันที่ 26 ก.พ. 2559 อีกฉบับลงวันที่ 2 มี.ค. 2559 โดยมีการให้เหตุผลว่าถูกเร่งรัดให้รีบดำเนินการเนื่องจากผู้บังคับบัญชาที่อยู่ด้วยไม่ได้ทักท้วง พ.ต.ท.ธนสิทธิ จึงลงนามในเอกสาร

7. ต่อมา 29 มี.ค. 2559 พ.ต.ท.ธนสิทธิ ได้ร่วมกับทีมพิสูจน์หลักฐานเดิมทำรายงานพิสูจน์สมมุติฐานของอาจารย์สสายประสิทธิ์ พบว่าการกำหนดให้ค่าตัวแปรต่างๆผิดไปจากความเป็นจริงมากโดยวิธีการดังกล่าวมีความผิดพลาดถึง 46 เปอร์เซ็นต์ จึงทำให้ความเร็วที่ได้เท่ากับ 79.22 กม./ชม. ซึ่งเป็นค่าคำนวณที่ไม่ถูกต้อง จึงได้นำพลังงานดังกล่าวเสนอต่อผู้บังคับบัญชาขอให้ประสานไปยังพ.ต.อ.วิรดล ผกก.สอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อขอให้ปากคำเพิ่มเติมยืนยันผลการตรวจพิสูจน์ที่ 177 กม./ชม. ซึ่งในวันนั้นผู้บังคับบัญชาได้โทรประสาน พ.ต.อ.วิรดล ทันที แต่พ.ต.อ.วิรดล ปฏิเสธว่าไม่สามารถสอบปากคำเพิ่มเติมได้และได้ส่งเอกสารการให้ปากคำให้กับพนักงานอัยการแล้ว พร้อมทั้งยังได้อ้างเหตุว่าคดีเรื่องขับรถเร็วขาดอายุความไปแล้ว ทำให้ผู้บังคับบัญชาและ พ.ต.ท.ธนสิทธิ สำคัญผิดว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกใช้ในสำนวนแล้ว แต่พ.ต.ท.ธนสิทธิ ยืนยันกับผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อความถูกต้องในสำนวน

8. ต่อมา เมื่อ 21 ก.ค. 2559 พ.ต.อ.ธนสิทธิได้เดินทางไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ แต่เมื่อไปถึงห้องประชุมได้มีเจ้าหน้าที่สภามาแจ้งว่าขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อนและไม่เคยมีใครติดต่อไปจนปัจจุบัน

9.ต่อมา พ.ต.อ.ธนสิทธิ เดินทางไปให้ถ้อยคำ กับคณะอนุกรรมการไต่สวน ที่สำนักงาน ป.ป.ช. และได้แจ้งให้คณะอนุกรรมการไต่สวนบันทึกไว้ในเอกสารว่าขอเพิ่มเติมความเห็นในกรณีความเร็วของรถ ว่าสามารถพบความบกพร่องของสมมติฐานในการคำนวณความเร็วของอาจารย์สายประสิทธิ์ ดังนั้นความเร็ว 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงไม่ถูกต้อง ซึ่งทั้งมีบันทึกคำให้การถูกคัดถ่ายเป็นสำเนาไว้

โดยสรุป อาจารย์สายประสิทธิ์ ถูกนำตัวมาพบกับกองพิสูจน์หลักฐานกลางโดยอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ชื่อว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บังคับการก่อนพิสูจน์หลักฐานกลางในขณะนั้นคือ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ได้ร่วมพิจารณาสมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์และได้สั่งการให้กองพิสูจน์หลักฐานกลางร่วมพิจารณาซึ่งการสอบปากคำ พ.ต.ท.ธนสิทธิ ต่อพลังงานสอบสวนเป็นการให้ปากคำในทางวิชาการแต่ไม่ถือว่าเป็นผลการตรวจพิสูจน์เพราะยังไม่มีการยกเลิกรายงานการตรวจพิสูจน์เดิมของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง  ดังนั้นในความเห็นของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ (ยศปัจจุบัน) เขายืนยันว่าไม่ได้กลับคำให้การในเรื่องการคำนวณความเร็วแต่อย่างใด

พี่น้องประชาชนครับนี่คือการสรุปข้อเท็จจริงจากเอกสารชี้แจงลำดับเหตุการณ์ซึ่งผมได้โพสต์รูปไว้แล้วพี่น้องสามารถอ่านและพิจารณาโดยละเอียดได้  สำหรับตัวผมในฐานะของกรรมาธิการการกฎหมายฯ จะเสนอให้คณะกรรมาธิการได้พิจารณาเชิญบุคลที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนายตำรวจระดับสูงหลายคน ตามเอกสารฉบับนี้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการในการประชุมโอกาสต่อไป


ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเพจ Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม