แฉ"โจรใส่สูท"บงบการฉก"สมุดข่อยโบราณ"ขายออนไลน์

2020-08-14 10:05:10

แฉ"โจรใส่สูท"บงบการฉก"สมุดข่อยโบราณ"ขายออนไลน์

Advertisement

กมธ.ศาสนาฯ จ่อนำทีมลุยสอบสวนปม "สมุดข่อยโบราณ" หายลึกลับ พร้อมล่า "โจรใส่สูท" จอมบงการมาดำเนินคดี

เมื่อวันที่​ 14​ ส.ค.​ จากกรณี ผศ.ดร.ฆนัท  ธาตุทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ตรวจพบว่ามีขบวนการโจรกรรมหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณไปจากศูนย์ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช แล้วไปประกาศขายผ่านโลกออนไลน์ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย​ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่คณะสงฆ์ นักวิชาการอิสระ เปิดศูนย์ขอรับบิณฑบาตคืนหนังสือบุดสมุดข่อยขึ้นที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยมีผู้ที่ซื้อหนังสือบุดสมุดข่อยส่งคืนกว่า 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว​ ขณะที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ 2 คน​ ก่อนเร่งขยายผลติดตา​มจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีไปตามกฎกมาย

ล่าสุด รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.เขต 1 นครศรีธรรมร่าช พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะวัฒนะธรรมสภาผู้แทนราษฏร ได้เชิญพระครูเหมเจติยาภิบาล พระสงฆ์ผู้ประสานงานศูนย์รับบิณฑบาตคืนหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณ​ จ.นครศรีธรรมราช และทีมงานศูนย์ขอบิณฑบาตคืน มาเข้าพบเพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการโจรกรรมหนังสือบุดสมุดข่อยโบราณ เพื่อใช้เเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับคณะกรรมาธิการศาสนาฯ​ ที่จะลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น





ด้าน​ พระครูเหมเจติยาภิบาล กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นหน้าที่ของตำรวจหลังจากจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้แล้ว 2 คน ส่วนที่เหลือจะมีการออกหมายจับใครอีกหรือไม่อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในส่วนของการตัดสินใจเปิดศูนย์ขอบิณฑบาตคืนหนังสือบุด ถือว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย มีผู้ซื้อหนังสือบุดไปครอบครองไว้​ ได้ส่งหนังสือบุด รวมทั้งมีดและดาบโบราณส่งคืนมาอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลเดิมที่ทางศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ม.ราชภัฎนครศรีธรรมราช ระบุว่าหนังสือบุดหายไป 309 เล่ม คาดว่าจะได้คืนมาเกินจำนวนที่หายไป ขณะนี้พบว่ามีจำนวนมากถึง 327 เล่ม​ เกินจำนวนที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม ม.ราชภัฎนครศรีธรรมราช​ ระบุว่าหายไป 309 เล่ม ซึ่งทาง ม.ราชภัฎ จะแต่งตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายมาร่วมตรวจสอบตัวเลขสูญหายที่ชัดเจนอีกครั้ง

ขณะที่ รศ.ดร.รงค์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่ายังมีคนบงการที่มากบารมีอยู่เบื้องหลังผู้ต้องหารายนี้อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ต้องหารายนี้จะกล้าลงมือด้วยตัวเอง ทั้งนี้ตนจะเชิญ พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช และ พ.ต.อ.มณฑล เบ้าทอง ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มาพบเพื่อสอบถามข้อมูลความคืบหน้าทางคดี และการติดตามจับกุมคนร้ายที่เหลือ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันอยู่ที่โจรใส่สูท ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลห้องเก็บหนังสือธรรมดาคนหนึ่ง อยู่ที่ว่าทุกฝ่ายจะกล้าให้ข้อมูลที่แท้จริงกับตำรวจหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นการโจรกรรมทรัพย์สมบัติที่มีคุณค่าของแผ่นดิน ถือว่าเป็นคดีการโจรกรรมระดับโลก ตนจึงอยากให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา ต้องไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น หากข้อมูลพยานหลักฐานเกี่ยวข้องไปถึงใคร ตำรวจก็ต้องดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น ต้องกระชากหน้าหากโจรใส่สูทออกมาให้ชาวนครศรีธรรมราช และสังคมไทย ได้รับรู้ แล้วนำตัวเข้าคุกให้ได้