ศาลสูงไนจีเรีย ในเมืองท่าพอร์ตฮาร์คอร์ท ทางภาคใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันพุธ (12 ส.ค.) ให้ปรับจำเลย 3 คน เป็นจำนวนเงินคนละ 52,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.6 ล้านบาท จากการดักปล้นเรือขนส่งสินค้ากลางทะเล เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และสามารถเรียกเงินค่าไถ่ได้ 200,000 ดอลลาร์ หรือ 6.2 ล้านบาท สำหรับการปล่อยตัวลูกเรือเป็นอิสระ
คดีนี้เป็นคดีแรกในไนจีเรีย ประเทศริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา นับตั้งแต่กฎหมายต่อต้านโจรสลัดฉบับใหม่ เริ่มมีผลใช้บังคับ เมื่อปีที่แล้ว
ไนจีเรียถูกกดดันหนัก จากอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางเรือ ให้ปราบปรามโจรสลัดในน่านน้ำอ่าวกินี นอกชายฝั่งของประเทศ ซึ่งเกิดเหตุดักปล้นเรือ และลักพาตัวลูกเรือเรียกค่าไถ่ กว่า 80 % ของทั่วโลก จากข้อมูลขององค์การพาณิชย์นาวีระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มบี (International Maritime Bureau)
จำเลยทั้ง 3 คนเป็นชาวไนจีเรีย 2 คน ส่วนอีกคนเป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่ระบุชื่อประเทศ ให้การรับสารภาพต่อข้อหาโจรสลัด 2 กระทง ทั้งสามเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนร้าย 9 คนที่ร่วมกันดักปล้นเรือสินค้าลำหนึ่ง ในอ่าวกินี เมื่อเดือน มี.ค. โดยอีก 6 คนซึ่งถูกทหารเรือไนจีเรียจับกุมตัวได้เช่นกัน ให้การปฏิเสธต่อข้อหา จึงถูกแยกดำเนินคดีต่างหาก
ในเอกสารสำนวนฟ้องของอัยการ ระบุว่า เดิมทีโจนสลัดกลุ่มนี้เรียกเงินค่าไถ่ตัวลูกเรือ จำนวน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สุดท้ายบริษัทเจ้าของเรือจ่ายให้แค่ 200,000 ดอลลาร์
จากข้อมูลของไอเอ็มบี ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีลูกเรือขนส่งสินค้าถูกลักพาตัว ในน่านน้ำอ่าวกินีเกือบ 50 คน เทียบกับ 27 คน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว.