สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ผ่านหลัก 20 ล้านไปแล้วในวันจันทร์ โดยมีสหรัฐ, บราซิล และอินเดีย มีผู้ติดเชื้อรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั่วโลก เมื่อเทีียบกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เฉลี่ยรายปีแล้ว ผู้ติดเชื้อโควิดสูงกว่าอย่างน้อย 4 เท่า ขณะเดียวกัน ผู้เสียชีวิตจากโควิดขณะนี้ ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 733,000 คน ซึ่งก็สูงกว่าผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่รายปีเช่นกัน จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก
รอยเตอร์รายงานตัวเลข ซึ่งรวบรวมจากรายงานของรัฐบาลต่าง ๆ พบว่า การติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันใช้เวลาเกือบ 6 เดือน ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 10 ล้านคน หลังจากรายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรกในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ในช่วงต้นเดือนมกราคม จากนั้นก็ใช้เวลาเพียง 43 วันเท่านั้น ผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็น 20 คน
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ข้อมูลอย่างเป็นทางการ น่าจะต่ำกว่าทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต โดยเฉพาะในหลายประเทศที่มีขีดความสามารถในการตรวจหาเชื้อจำกัด
สหรัฐมีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศแล้วประมาณ 5 ล้านคน, บราซิล 3 ล้านคน และอินเดีย 2 ล้านคน ส่วนรัสเซียและแอฟริกาใต้ ก็ติด 10 อันดับแรก ทั้งนี้ การระบาดของไวรัสโควิดระบาดเร็วที่สุดในลาตินอเมริกา ซึ่งคิดเป็นผู้ติดเชื้อเกือบ 28 เปอร์เซ็นต์ และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของทั่วโลก
คลื่นการระบาดรอบแรกขึ้นสู่ระดับสูงสุดแล้วในหลายประเทศ และกลับมาระบาดซ้ำอีกครั้งในหลายประเทศ รัฐบาลต่าง ๆยังมีความคิดเห็นแตแยกในการรับมือกับไวรัสตัวนี้ บางประเทศต้องหันกลับมาบังคับใช้มาตรการคุมเข้มด้านสาธารณสุขอีกครั้ง แต่ก็ยังมีบางประเทศยังคงผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มต่าง ๆ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข คาดการณ์ว่า ทั่วโลกจะยังมีปัญหาเกี่ยวกับวิธีจัดการเรียนการสอน, การทำงาน และการใช้ชีวิตในสังคมต่อไป และยังต้องมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการคุมเข้มต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา จนกว่าจะมีวัคซีน ซึ่งการแข่งขันกันเพื่อพัฒนาและผลิตวัคซีนของหน่วยงานในแต่ละประเทศ มีมากกว่า 150 แห่ง และขณะนี้ อยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกกับมนุษย์ 25 เจ้าแล้ว จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก
สำหรับในสหรัฐ เด็ก ๆ เริ่มกลับไปเรียนหนังสือในชั้นเรียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างหนักเกี่ยวกับความปลอดภัยในโรงเรียน ส่วนอังกฤษได้เพิ่มสเปนและเบลเยียม เข้าในบัญชีรายชื่อประเทศที่ผู้เดินทางกลับจากประเทศเหล่านี้ ต้องกักตัวที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน เพราะมีการระบาดใหม่ในหลายประเทศของยุโรป
ในเอเชีย จีนยังคงพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อด้วยมาตรการที่เข้มข้น, ล็อคดาวน์ในท้องถิ่น นำไปสู่การติดเชื้อรายวันลดลงในระดับต่ำเหลือตัวเลข 2 หลักในจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่ ออสเตรเลีย ก็ใช้มาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มข้นและประกาศใช้เคอร์ฟิวในเมืองเมลเบิร์น ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส ส่วนนิวซีแลนด์ ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติแล้ว ในช่วงสุดสัปดาห์ครบ 100 วันที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการระบาดในท้องถิ่น