“เรืองไกร”บุกยื่น "ชวน"สอบ 113 ส.ส. ค้างค่าตั๋ว เรียกรับเงิน จี้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลออกมาให้ข้อมูลเพื่อป้องกันตัวเอง
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะอนุกรรมาธิการแผนบรูณาการ 1 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันที่ 10 สค. ได้ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบ 2 กรณี คือ 1.เรื่องค่าค้างตั๋วเครื่องบินของอดีต ส.ส. 113 คน และ 2.ตรวจสอบกรณีมี ส.ส.เรียกรับเงินจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ตรวจสอบ เพราะตนไม่เห็นด้วยที่ กมธ.ชุดใหญ่จะเป็นผู้ตรวจสอบกันเอง โดยเฉพาะเรื่องที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งตนได้เห็นคาตาว่าประเด็นดังกล่าวมีการโต้แย้งกันในห้องประชุม 418 และยืนฟังอยู่ รวมทั้งมี ส.ส.ที่เป็น กมธ.ยืนอยู่หลายคน ซึ่งตนในฐานะที่เป็นนักตรวจสอบเชื่อว่าเรื่องนี้มีมูล แต่สุดท้ายตนก็อยากให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มาเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจน เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ โดยตนเชื่อว่ากระบวนการนี้ต้องมี ส.ส.ในอนุ กมธ.เกี่ยวข้องเกินกึ่งหนึ่ง จากทั้งหมด 10 คน ถึงจะดำเนินการใดๆ ได้
นายเรืองไกร กล่าวว่า นอกจากนี้ภายหลังเกิดเรื่องยังมี ส.ส.พูดกับตนว่าอย่ายุ่งเรื่องนี้ได้หรือไม่ ในขณะเดียวกันภายหลังที่ตนยื่นเรื่องให้นายชวน ก็ปรากฎในไลน์กลุ่ม ส.ส.ว่ามีการเขียนระบุเลยว่า “ปวดตับ” และมีคนส่งมาให้ตน ซึ่งตนก็ถามว่าทำไมต้องปวดตับ ถ้าเป็นความจริงก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง โดยเรื่องเงิน 5 ล้านบาท ตนได้ยินว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีฝ่ายรัฐบาล 2 คน รวมทั้งอดีต ส.ส.ที่ไปอยู่กับฝ่ายรัฐบาล และอาจจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายค้านด้วย ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่าตนหยุดไม่ได้เพราะประชาชนอยากรู้ นอกจากนี้ในการทำงานยังมีหนังสือจาก กมธ.ชุดใหญ่ ลงมาแทรกแซง คณะอนุกมธ.ให้ดำเนินการตาม ซึ่งตนเรียกเอกสารมาดูก็เป็นเช่นนั้น และเป็นเรื่องที่ชุดใหญ่จะต้องชี้แจงด้วย ตนถามไปหลายครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบ แต่พอมาวันนี้จะมาเต้นแร้งเต้นกาเร่งตรวจสอบเฉพาะคณะอนุกมธ.บูรณการชุด 2 เท่านั้น ตนว่าไม่ใช่ ดังนั้นนายชวนจึงควรลงมาดูด้วยตนเอง
เมื่อถามว่าขบวนการที่เกิดขึ้น ส.ส.มีการฮั้วกันทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ได้ยินมานานแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องงบประมาณมีความผิดปกติมาตั้งแต่ปี 2563 แล้ว เพราะที่ผ่านมามีการตั้งอนุ กมธ.เพียง 5 คณะ แต่ปีนี้แปลกมากที่มีการตั้งอนุ กมธ.ถึง 8 คณะ มีผู้ใหญ่จากพรรคร่วมรัฐบาลบ่นกับตนว่าจะเอากันขนาดนี้เลยหรือ และมีการแย่งตำแหน่งประธาน อนุ กมธ.
“เรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล และมีความพยายามจะปิดให้จบ และพยายามจะทำงบให้จบภายในวันที่ 11 ก.ย. เพราะสภาจะปิดสมัยประชุมวันที่ 20 ก.ย. แล้วก็ทำกันอย่างนี้ ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เข้าสู่คณะอนุกมธ.น้อยมาก แล้วห้องใหญ่ก็ดูงานกัน มีข้อคำสั่งสั่งการมายังคณะอนุ กมธ. ผมได้บันทึกการประชุมไว้แล้ว ซึ่งสิ่งที่ผมนำเสนอมานั้นเป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ไม่มีความเห็นผสมเลย”นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงต้องสอบข้อเท็จจริงต่อไป รวมทั้งประเด็นใหม่เรื่องเรือยางของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ที่มีกระแสข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ไม่ใช่คณะอนุ กมธ.คุรุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มีนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน พยายามล็อบบี้ใม่ให้มีการตัดงบ รวมทั้งให้ตรวจสอบ 6 คณะอนุ กมธ.อื่นๆ ว่ามีเรื่องทำนองเดียวกันหรือไม่ เพราะตอนนี้สภาพของสภาคือ “กิจการโรงงานสภา” รวมทั้งตนเห็นว่า สตง.ควรมาร่วมสอบด้วย เพราะว่าประเด็นนี้เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144