"ทิพานัน" เผย ปชช.อยากให้แก้ปัญหาปากท้อง ว่างงาน มากกว่าแก้ รธน. ชี้ความวุ่นวายทางการเมืองกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่เขตจอมทอง 3 ชุมชน โดยออกเยี่ยมผู้ป่วยและแจกจ่ายทรายอะเบทให้แก่พี่น้องประชาชนจำนวน 1,300 ถุง เพื่อป้องกันการเพาะพันธุ์ของยุงลายในแหล่งที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก พร้อมกันนี้ยังได้มอบกระจกโค้ง หรือกระจกส่องมุม ให้กับชุมชนปลั่งอนุสรณ์ และชุมชนโพธิ์แก้ว เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้ใช้รถใช้ถนน สามารถมองเห็นยานพาหนะและคนที่สัญจรไปมาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทั้ง 3 ชุมชน เกี่ยวกับการดูแลป้องกันตนเองและสอดส่องดูแลในชุมชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เพื่อไม่ให้กลับมาแพร่ระบาดรอบสอง เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกและประเทศเพื่อนบ้านยังมีการกลับมาแพร่ระบาดซ้ำ และรุนแรงกว่ารอบแรก โดยในประเทศไทยพบว่าการปลดล็อกมาตรการต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนรวมกลุ่มกันมากขึ้น พร้อมกับรับเรื่องร้องเรียนต่างๆภายในชุมชน เพื่อนำไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานต่อคณะทำงานของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พี่น้องประชาชน อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาปากท้อง การว่างงาน และความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร่งด่วน มากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนได้ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคพลังประชารัฐ โดยการนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีความห่วงใยและได้สั่งการให้ส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่ และพร้อมผลักดันการแก้ไขปัญหาต่างๆ ต่อรัฐบาลผ่านรัฐมนตรีสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมสนับสนุนให้มีการแก้ไข และจะมีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญควบคู่ไปกับร่างของคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธานด้วย ฉะนั้น จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องของประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากแต่ตอนนี้เป็นขั้นตอนในส่วนของคณะกรรมาธิการ ขับเคลื่อนไปก่อน ส่วนการเรียกร้องให้ยุบสภาฯ ในช่วงเวลานี้น่าจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมวิกฤต
"หากมีการเปลี่ยนแปลงและมีความวุ่นวายทางการเมือง จะเกิดความไม่แน่นอน และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โครงการต่างๆอาจได้รับผลกระทบ เช่นการฟื้นฟูเศรษฐกิจต้องชะงักไปด้วย จึงอยากให้กลุ่มผู้เรียกร้องคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติและประชาชน เรื่องใดสามารถทำได้ ฝ่ายรัฐบาลก็พร้อมทำเช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องของการยุบสภาฯที่จะส่งผลกระทบเสียหายต่อประเทศมากกว่านั้น เชื่อว่านายกฯให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบในการบริหารประเทศ เพื่อฝ่าฟันวิกฤติมากกว่าใช้อำนาจยุบสภาฯ" น.ส.ทิพานัน กล่าว