สนช.เตรียมพิจารณา พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ นำภาษีบาป 2% เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 100 บาท จวกบิดเบือน พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำหวังผลทางการเมือง
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงว่า ในวันที่ 5 ต.ค. ที่ประชุม สนช.จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ในวาระแรก โดยมี 6 มาตรา มีสาระสำคัญคือ การนำเงินกองทุนจากภาษีบาป 2% หรือประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี มาเพิ่มเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอีกเดือนละ 100 บาท โดยผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี ได้เบี้ยยังชีพ 600 บาท เพิ่มเป็น 700 บาท คนที่อายุเกิน 70 ปี จากเดิมได้ 700 บาท เพิ่มเป็น 800 บาท โดยยึดจากบัญชีผู้สูงอายุที่ขึ้นทะเบียนเบี้ยยังชีพ จำนวน 2.15 ล้านคน รวมเป็นเงิน 2,400 ล้านบาท
นพ.เจตน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะต้องเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ใช่ข้าราชการ หรือได้รับบำเหน็จบำนาญอย่างอื่น ส่วนภาษีบาปที่เหลืออีก 1,600 ล้านบาท จะนำไปใช้เป็นสวัสดิการดูแลผู้สูงอายุ เช่น การซ่อมแซมและสร้างบ้านเรือนผู้สูงอายุ การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง การจัดกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พม.จะเป็นผู้ดูแลงบประมาณในส่วนนี้ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นพ.เจตน์กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ที่ถูกวิจารณ์เรียกเก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกรว่า ขณะนี้มีการบิดเบือนว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวต้องเสร็จภายใน 60 วัน เช่นเดียวกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ แต่ร่าง พ.ร.บ.โดยทั่วไปจะมีกรอบเวลากำหนดพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน แต่ถ้าเสร็จไม่ทันสามารถขยายเวลาและต่ออายุได้ตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ ยังต้องใช้เวลาพิจารณาเพราะต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ขอยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่มีการเก็บเงินค่าใช้น้ำจากเกษตรกรและชาวนา เกษตรกรต้องไม่เดือดร้อน เพราะเจตนาของกฎหมาย คือ ต้องการเก็บเงินค่าใช้น้ำจากภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรายใหญ่ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ โรงแรม คิดว่าเรื่องนี้มีการบิดเบือนเพื่อสร้างสถานการณ์หวังผลทางการเมือง