“ทิพานัน”จวก “อนุสรณ์” ตกข่าวซ้ำซาก ไม่รู้ภาคเอกชน ตลาดหุ้น ขานรับ ครม.ใหม่ เชื่อรัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่นายนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทยฦ(พท.) วิจารณ์การปรับ ครม.ว่าทำให้ประชาชนหมดหวังและเตรียมนับถอยหลังรัฐบาลว่า นายอนุสรณ์ยังคงตกข่าวซ้ำซาก จึงไม่ทราบว่าภาคเอกชน ทั้งประธานหอการค้าไทย และตลาดหุ้นต่างพอใจกับโฉมหน้าของรัฐมนตรี เช่นเดียวกับเสียงขานรับจากภาคส่วนต่างๆที่พร้อมให้โอกาสครม.ทำงาน ในการปรับครม.ครั้งนี้ โดยเฉพาะมีรัฐมนตรีที่มาจากภาคเอกชน มีประสบการณ์ตรง ที่เข้ามาเสริมความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลให้เพิ่มมากขึ้น การที่นายอนุสรณ์อ้างว่าประชาชนรู้สึกผิดหวังนั้น จึงเป็นการกล่าวอย่างเลื่อนลอย และวิจารณ์ด้วยอคติ ส่วนอาฟเตอร์ช็อกหลังปรับครม.คงไม่มี เมื่อโปรดเกล้าฯรายชื่อแล้ว ทุกอย่างชัดเจนและทุกคนควรยอมรับ เห็นนายอนุสรณ์จะนับถอยหลังรัฐบาล เกรงว่าจะต้องนับไปอีกนาน เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวจนครบ 4 ปี
น.ส.ทิพานัน กล่าวด้วยว่า ทีมเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหัวหน้าทีมอย่างที่นายอนุสรณ์ แสดงความเห็น เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมมีวิสัยทัศน์ในการบริหาร เห็นได้จากการแต่งตั้งนายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งเพื่อยกระดับกระทรวงในการดูแลเศรษฐกิจ จากเดิมกระทรวงการต่างประเทศมีบทบาทในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศอยู่แล้ว แม้ที่ผ่านมาจะไม่เด่นชัดเท่ากับการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต ความร่วมมือด้านความมั่นคงต่างๆ แต่เมื่อภูมิทัศน์เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการปิดประเทศ ทำให้เห็นความสำคัญของการเปิดประเทศและพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศจึงมีความเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและจะมีบทบาทสำคัญในเชิงรุกด้านเศรษฐกิจมากขึ้น เพราะเรามีทูตไทยอยู่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆทั่วโลกอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นขุนพลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่นเดียวกับกระทรวงแรงงานที่ก่อนหน้านี้ถูกมองเป็นกระทรวงที่มีภารกิจด้านสังคม แต่บทบาทในปัจจุบันมีความสำคัญกับภาคเศรษฐกิจ
ถือเป็นวิสัยทัศน์ของนายกฯ ในการบริหารประเทศ ที่ต้องคิดนอกกรอบ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามวิถีใหม่หรือ NEW NORMAL การนำภารกิจด้านเศรษฐกิจผนวกกับกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่าจะสร้างเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทยมากยิ่งขึ้น