“ปิยบุตร”เสนอโละ 250 ส.ว.ก่อนยุบสภา

2020-08-07 14:10:32

“ปิยบุตร”เสนอโละ 250 ส.ว.ก่อนยุบสภา

Advertisement

“ปิยบุตร”เสนอยกเลิกบทเฉพาะกาล ม. 279 รับรองคำสั่ง คสช. โละ 250 ส.ว.ก่อนยุบสภา 

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในการประชุมกมธ.วันนี้(7 ส.ค.) เป็นการพูดถึงบทเฉพาะกาล ซึ่งตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหาอยู่หลายเรื่อง โดยเฉพาะในบทเฉพาะกาล ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่วางอาไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งตามความเห็นของตนสิ่งแรกที่จำเป็นจะต้องแก้ไขไปก่อนคือเรื่องการยกเลิกมาตรา 279 ซึ่งรับรองให้บรรดาประกาศ คำสั่งและการใช้อำนาจต่างๆ ของ คสช.ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทั้งที่มาตรา 279 เหมือนหลุมดำของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะยกเว้นให้กับการใช้อำนาจของ คสช. ตลอดช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบทเฉพาะกาลควรจะมีผลใช้บังคับชั่วคราว แต่กลายเป็นว่ามาตรา 279 ใช้บังคับตลอดกาล อย่างนี้ไม่ใช่เฉพาะกาล แต่เป็นบทสืบทอดอำนาจและรับรองการใช้อำนาจ บทป้องกันไม่ให้การใช้อำนาจต่างๆ ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงที่เป็นหัวหน้า คสช.ขัดรัฐธรรมนูญ 

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีจะมีการเสนอให้ยกเลิกมาตรา 269, 270, 271 และ 272 ซึ่งว่าด้วย ส.ว.ตามบทเฉพาะกาล 250 คนมีเวลา 5 ปี ซึ่งตนเห็นว่าเวลานี้ภารกิจของ ส.ว. ตามบทเฉพาะกาลได้สิ้นสุดลงไปแล้ว คือ ได้เลือก พลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายในกรณีที่หากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้ครั้งหน้า ตนคิดว่า ส.ว. ทั้ง 250 คนควรต้องยุติบทบาทตรงนี้ ส่วนคนที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ สามารถกลับเข้ามาสมัครใหม่เป็น ส.ว. ตามช่องทางปกติได้ และถ้ากังวลใจว่า ส.ว. 250 คนจะคอยประคับประคองรัฐบาลโดยเฉพาะเวลาออกกฎหมายปฏิรูป ตนเห็นว่าเรื่องนี้แทบจะไไม่มีความจำเป็นแล้วเพราะเสียงของรัฐบาลเวลานี้ทิ้งขาดฝ่ายค้านไปกว่า 60 เสียงแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแก้มาตรา 256 จำเป็นต้องใช้เสียง ส.ว. สนับสนุนและการแก้มาตราอื่นๆ โอกาสเป็นไปได้แทบไม่มี นายปิยุบตร กล่าวว่า มันเป็นปัญหาไก่กับไข่ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนกัน ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้วางไว้ว่า ส.ว. จะต้องมีส่วนแก้รัฐธรรมนูญด้วย ถ้าเราไม่มี ส.ว. 84 คนเป็นอย่างน้อยก็ไม่มีทางแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ ดังนั้นตนขอความร่วมมือกับ ส.ว. 250 คนว่าถ้าท่านนั่งอยู่แบบนี้ต่อไป นานวันขึ้นความชอบธรรมก็จะลดน้อยถอลงไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ตนยังไม่เห็นใครมีความสามารถมาอธบายเหตุผลการมีอยู่ของ ส.ว. ได้ ดังนั้นแทนที่ท่านจะถูกกดดันและไล่ออกไป ตนคิดว่าท่านควรแก้เรื่องนี้ดีกว่า แล้วกลับมาเป็น ส.ว. ตามปกติ และที่สำคัญก่อนหน้านั้น คนจำนวนมากมักพูดว่า ไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะแก้รัฐธรรมนูญแล้วเป็นไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเอง และคนเหล่านี้จำนวนมากก็เข้ามาเป็น ส.ว. ชุดปัจจุบัน และวันนี้ คนเหล่านี้กำลังมาบอกว่าไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งก็คือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งนี้ตนเห็นว่าการไม่มี ส.ว. 250 คนไม่เห็นมีใครกระทบกระเทือนนอกจาก ส.ว. เองเท่านั้น ดังนั้นควรมองภาพใหญ่มากกว่าตัวเองได้ตำแหน่ง

ต่อข้อว่ามาตราต่างๆ ที่เสนอมาจำเป็นต้องเข้าไปแก้ในสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือทำเฉพาะประเด็น นายปิบุตร กล่าวว่า มีขั้นตอนในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งตนเห็นว่าสามารถเสนอไปพร้อมกันทั้ง 3 ฉบับ คือ ยกเลิก ส.ว. ตามบทเฉพาะกาล ยกเลิกมาตรา 279 และแก้ไขมาตรา 256 แล้วจัดให้มี ส.ส.ร. ซึ่งทั้ง 3 ฉบับนี้กว่าจะผ่านความเห็นชอบต้องใช้เวลา แต่คิดว่า 2 ฉบับแรกจะเร็วกว่าเพราะแก้ง่ายมาก ส่วนการตั้ง ส.ส.ร. ก็ดำเนินการไปซึ่งที่สุดแล้วจะเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองของนิสิตนักศึกษาว่าอย่างน้อยที่สุดเรื่องเหล่านี้ได้รับการแก้ไข ตนเชื่อว่าจะทำให้อุณหภูมความร้อนแรงของการชุมนุมบรรเทาเบาบางลงไปบ้าง ดีกว่าปล่อยย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วไม่มีการแกก้ไขอะไรเลย ในเมื่อทุกวันนี้เรายืนยันแล้วว่ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ประเทศไทยกำลังทยอยกลับเข้าสู่ระบบปกติ ดังนั้นอะไรที่เป็นสิ่งผิดปกติอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ปรากฎอยู่ในบทเฉพาะกาลก็ควรจะต้องยกเลิกออกไป ซึ่งความเห็นของตนคือ 2 เรื่องใหญ่ๆ มาตราสุดท้ายที่รับรองอำนาจของ คสช. และมาตราที่ว่าด้วยอำนาจของวุฒิสภา 250 คน

เมื่อถามว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภา เพื่อเลือกกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า เท่าที่ตนได้ฟังที่คนพูดเรื่องยุบสภา คือ หากยุบสภาตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก โดยกลไก ส.ว. 250 คน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หลายพรรคการเมืองรณรงค์ไว้ว่าจะไม่สนับสนน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาปรากฎว่ามีบางพรรคการเมืองไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตนเชื่อว่าเพราะกติกาที่ ส.ว. ไปเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะหากไม่มี ส.ว. แล้วใช้ระบบปกติ พรรคการเมืองอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลได้แน่ๆ หากเรายกเลิก ส.ว. ออกไป เชื่อว่าหากมีการยุบสภาเกิดขึ้น เชื่อการตัดสินใจของคนที่จะไปร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน และที่สำคัญประชาชนมีอำนาจกำหนดตัวรัฐมนตรีและรัฐบาลอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องกรแก้ไขระบบเลือกตั้งก็สุดแท้แต่ที่จะแก้ แต่ในความเห็นของตนระบบเลือกตั้งขณะนี้มีความแปลกประหลาด แต่ตนพยายามละเว้นไม่พูดเรื่องนี้ เพราะจะมากล่าวหาว่าต้องการแก้เพื่อพรรคพวกตัวเอง