เลบานอนได้เวลาปฏิรูปประเทศ

2020-08-07 07:00:39

เลบานอนได้เวลาปฏิรูปประเทศ

Advertisement


ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางเยือนกรุงเบรุต เมืองหลวงวิปโยคของเลบานอนเมื่อวันพฤหัสบดี ให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือเลบานอน ท่ามกลางเสียงตะโกนคำว่า “Revolution” หรือ “ปฏิวัติ!” ของประชาชนชาวเลบานอนที่แค้นเคืองรัฐบาล เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงการเมืองภายในประเทศ ซึ่งนายมาครงก็ยืนยันต่อประชาชนจะกดดันผู้นำเลบานอนให้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงลึก หลังเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุตเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่าง 145 คน และบาดเจ็บอีกมากกว่า 5,000 คน แต่ก็ยังมีสูญหายอยู่หลายสิบคน ทำให้คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก นอกจากนี้ ยังมีประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยอีกประมาณ 300,000 คน ซ้ำเติมความเลวร้ายในประเทศที่ถูกรุมเร้าจากวิกฤตเศรษฐกิจ และการระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่ก่อนแล้ว

โดยผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้นำโลกคนแรกที่เดินทางเยือนกรุงเบรุต หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเศร้าสลดนี้ กล่าวว่า จะไม่มีการให้ความช่วยเหลือใด ๆ ต่อบรรดาผู้นำเลบานอน จนกว่าพวกเขาจะประมาณมาตรการปฏิรูปประเทศจริงจัง และหยุดการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย



มาครง ซึ่งแถลงข่าวหลังสิ้นสุดการเยือนกรุงเบรุต ยังเรียกร้องให้นานาชาติเข้ามาสอบสวนในเหตุระเบิดมหาวินาศครั้งนี้ด้วย โดยบอกว่า มันเป็นสัญญาณเร่งด่วนในการผลักดันการปฏิรูปต่อต้านการคอร์รัปชั่น ตามคำเรียกร้องของประชาชนที่โกรธแค้น ทั้งนี้ ชาวเลบานอนจำนวนมากตราหน้ารัฐบาลของพวกเขา “ทุจริตคอร์รัปชั่น, ประมาทและบริหารประเทศผิดพลาด” จนนำไปสู่เหตุระเบิดที่น่าเศร้า ซึ่งประธานาธิบดีมิเชล อูน ผู้นำเลบานอน แถลงว่ามีสาเหตุมาจากสาร “แอมโมเนียม ไนเตรท” 2,750 ตันที่เก็บไว้อย่างไม่ปลอดภัยในโกดังแห่งหนึ่งที่ท่าเรือ

ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวอีกว่า เขาได้เสนอให้ทางการเลบานอน จัดทำโรดแม็พแนวทางการปฏิรูปเร่งด่วนเพื่อเปิดทางรับเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากประชาคมระหว่างประเทศ และว่า เขาจะเดินทางกลับมายังเลบานอนอีกในเดือนกันยายน เพื่อติดตามผล หากการปฏิรูปไม่มีความคืบหน้า เลบานอนจะยังคงจมดิ่งต่อไป สิ่งที่จำเป็นต้องทำสำหรับเลบานอนอีกอย่างหนึ่งคือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โศกนาฏกรรมจากเหตุระเบิดครั้งนี้ จะเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ ฝรั่งเศสจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดการประชุมระดมความช่วยเหลือของนานาชาติและเขาให้คำมั่นว่า เลบานอนต้องมีรัฐบาลที่โปร่งใส บริหารประเทศด้วยหลักธรรมาภิบาล ความช่วยเหลือต่าง ๆ ต้องไปถึงมือประชาชน



มาครงกล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่า จำเป็นต้องมีการตรวจสอบบัญชีธนาคารกลางของเลบานอน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน และว่า ธนาคารโลกและสหประชาชาติ หรือยูเอ็น จะแสดงบทบาทนำในการปฏิรูปเลบานอน ก่อนหน้านี้การเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เกี่ยวกับแผนการฟื้นฟูประเทศ หยุดชะงักไป เพราะความล้มเหลวของรัฐบาลในการดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง

ระหว่างการเยือนกรุงเบรุต นายมาครงยังได้พบหารือกับกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มในเลบานอน ซึ่งรวมทั้งกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งมีอิทธิพลครอบงำการเมืองเลบานอนมานาน เขาเรียกร้องให้เฮซบอลเลาะห์ ใช้อิทธิพลเพื่อกดดันรัฐบาลให้ดำเนินการปฏิรูป และคิดถึงผลประโยชน์ของเลบานอนมากกว่าผลประโยชน์ของอิหร่าน

มาครง ซึ่งสวมเสื้อสีขาวผูกไท้สีดำเพื่อไว้ทุกข์ เดินทางตรวจพื้นที่เกิดเหตุระเบิด และเดินทางตามถนนที่เต็มไปด้วยซากความเสียหาย ขณะที่ฝูงชนที่โกรธแค้น ก็เรียกร้องให้หยุด “รัฐบาล” ของนักการเมืองเลบานอน ที่พวกเขาประณามว่า นำพาประเทศเข้าสู่หายนะ ซึ่งนายมาครง กล่าวกับฝูงชนที่รอต้อนรับว่า “ผมขอรับประกัน ความช่วยเหลือในการบูรณะฟื้นฟูประเทศ จะไม่ไปถึงมือพวกคอร์รัปชั่น ผมมองเห็นอารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้าของพวกคุณ ความเศร้า, ความเจ็บปวด นี้คือเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงมาที่นี่ ผมจะนำความจริงเหล่านี้ไปแจ้งต่อบรรดาผู้นำเลบานอน”

ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ประท้วงกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็เกิดความรุนแรง ใกล้บริเวณทางเข้าอาคารรัฐสภาในใจกลางกรุงเบรุตเมื่อวันพฤหัสบดี เพราะประชาชนไม่พอใจจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ตำรวจปราบจลาจล ถูกส่งเข้าไปรักษาความสงบเรียบร้อย หลังผู้ประท้วงหลายคนจุดไฟเผาสิ่งของต่าง ๆ และขว้างปาก้อนหินเข้าใส่เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง



ความล้มเหลวของรัฐบาลในการจัดการปัญหางบประมาณ, ภาระหนี้สินที่พอกพูน และการคอร์รัปชั่นเรื้อรัง กระตุ้นให้บรรดาประเทศผู้บริจาคชาติตะวันตก เรียกร้องให้มีการปฏิรูป และหลายประเทศในอ่าวอาหรับ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนหลักในการช่วยเหลือด้านการเงินของเลบานอน ก็ต้องถอนตัวออกมาก เพราะอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของอิหร่านและกลุ่มเฮซบอลเลาะห์