วอชิงตัน, 6 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (5 ส.ค.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นในคำกล่าวอ้างโดยไร้หลักฐานของตนเอง ที่คิดว่าเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน อาจเป็น “การโจมตี” โดยไม่สนใจการประเมินเหตุการณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด
“ผมว่าคงมีใครเอาพวกอุปกรณ์ระเบิดอะไรพรรค์นั้นไปวางทิ้งไว้มั้ง คงเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นอาจเป็นการโจมตี ผมว่าตอนนี้ยังไม่มีใครบอกได้” ทรัมป์กล่าว “บางคนคิดว่าเป็นการโจมตี บางคนก็ว่าไม่ใช่”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่าเขาได้ “พบปะกับนายพลคนสำคัญของสหรัฐฯ หลายนาย ซึ่งดูจะเชื่อว่าการระเบิดในเลบานอนไม่ใช่แค่เหตุโรงงานระเบิดธรรมดา”
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ บางส่วน อาทิ มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวอ้างของทรัมป์ โดยเอสเปอร์แถลงเมื่อวันพุธ (5 ส.ค.) ว่า “คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุตามการรายงาน” ขณะที่เพนตากอนยังคงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุระเบิดต่อไป
เมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) เกิดเหตุระเบิดใหญ่ 2 ครั้ง ในกรุงเบรุตของเลบานอน โดยข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่าแอมโมเนียมไนเตรทที่เก็บไว้ในโกดังหมายเลข 12 ที่ท่าเรือเบรุตตั้งแต่ปี 2014 อาจเป็นสาเหตุการระเบิด ด้านฮาหมัด ฮัสซัน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของเลบานอน กล่าวเมื่อวันพุธ (5 ส.ค.) ว่าเหตุระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 137 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 5,000 ราย