"สันธนะ" เผยเคยเห็น "นายตี้" ซึ่งถูกพาดพิงเป็นเจ้าของบ่อนย่านพระราม 3 เติบโตจนขึ้นมาเป็นนายบ่อน มาเร็วมาแรง ประสบความสำเร็จเร็ว ฟันธงกรณีนี้มี จนท.รัฐเอี่ยวแน่นอน ไม่เรียกว่าจ่ายส่วย แต่เป็นเหมือนการร่วมธุรกิจกันมากกว่า
จากกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณียิงกันภายในบ่อนการพนันย่านพระราม 3 จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมเชิญ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เข้าให้การในฐานะผู้ให้ข้อมูล หลังออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับบ่อนการพนันโดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการให้ข้อมูลนั้น
เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายสันธนะ เปิดเผยกับทีมข่าวนิว 18 ว่า ยังไม่ได้รับการแจ้งมาอย่างเป็นทางการที่จะเรียกไปให้ถ้อยคำ ตนยินดีหากติดต่อมาไม่ต้องเป็นทางการก็ได้ เรื่องนี้ตนก็ติดตาม และเปิดข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ และสถานที่เกิดเหตุภายใน ซึ่งตนตั้งใจติดตาม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และด้วยประสบการณ์มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่ที่ร้บผิดชอบต้องให้ความสำคัญ เพราะนอกจากมีการฆาตกรรมแล้วบริเวณนั้นเป็นบ่อนการพนัน ทั้งนี้ส่วนตัวทราบมาก่อนว่านายตี้เปิดบ่อนการพนัน เปิดแล้วปิด แล้วย้ายมาเปิดที่พระราม3 ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเริ่มเปิดเมื่อใด แตหลังจากย้ายมาหาสถานที่ใหม่ได้ ก็มาตบแต่งภายในจนมาเปิดอีกครั้ง เพราะลูกค้านายตี้จะเป็นลูกค้าวีไอพีจึงต้องตกแต่งห้องตามให้ดูหรูหรา ที่รู้เรื่องแบบนี้ก็เพราะเคยอยู่ในวงการรับราชการตำรวจมาก่อนจึงทราบถึงสภาวะแวดล้อมต่างๆรวมถึงคนที่อยู่ในเส้นทางนี้มาก่อน ทั้งนี้ไม่กังวลว่าจะต้องมีปัญหากับใคร เพราะตนพูดความจริงไม่ได้มีวาระซ่อนเร้น และนายตี้ก็เคยเห็นมาตั้งแต่แรก ๆ เห็นว่าเติบโตมายังไงจนขึ้นเป็นนายบ่อน ถ้ามองเรื่องธุรกิจนั้นถือว่า นายตี้มาเร็วมาแรง และประสบความสำเร็จเร็ว
ส่วนธุรกิจแบบนี้จะต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น นายสันธนะ กล่าวว่า จะต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน นายตี้กล้าควักกล้าให้ ทำให้เจ้าหน้าที่ก็เปิดทางให้ จะเรียกว่าจ่ายส่วยคงไม่ใช่เพราะปัจจุบันเป็นเหมือนการร่วมธุรกิจกันมากกว่า และคนทำบ่อนไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจ เพราะเขาก็ต้องสร้างและดูแลลูกน้อง
ส่วนกรณีที่มีคนเข้ามอบตัวแล้ว โดยเฉพาะนายบอย บ้านครัวนั้น นายสันธนะ กล่าวว่า หากนายบอยเขาเป็นคนยิงนายถาวร สีสด จริงและมามอบตัวตนก็ว่าจะไปดูและหวังว่าจะไม่มาเป็นแพะแทน เพราะนายบอยก็เคยมีประวัติก่อเหตุมาแล้ว จึงไม่คิดว่าจะหวนไปทำอีก ซึ่งนายบอยอาจจะไม่ใช่นักเลงคุมบ่อน แต่ก็มีชื่อชั้นในแวดวง เป็นคนกำกับดูแลหลายอย่าง ส่วนตำรวจ กับนายถาวร คนเล่าให้ฟังว่าทั้งสองคน ทะเลาะกัน และที่ตนเองออกมาจี้นายตี้ ซึ่งถูกพูดว่าเป็นนายบ่อนนั้น มองว่าการเป็นนายบ่อน จะต้องคุมคนให้ได้ และระงับยังยั้งปัญหาให้คลี่คลายให้ได้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ เขาอาจจะคิดว่าเคลียร์ได้ทุกอย่าง คิดว่าเงินซื้อได้ทุกวงการทุกอย่าง ซึ่งแท้จริงไม่ใช่โดยเฉพาะการปิดข่าว
นายสันธนะ มองอีกว่า หลังจากที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับแล้วว่าเป็นบ่อนการพนัน ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นนำกระบวนการยุติธรรมมาบังคับใช้กฎหมาย จากการคนในสังคมเรียกร้อง เพื่อไม่ให้เกิดการค้านสายตา และก็อยากให้คดีมีความคืบหน้า อยากให้เอาตัวจริงออกมาดำเนินคดี อย่าเอาแพะออกมา และตนจะไปร่วมชี้ด้วย
ส่วนกรณีที่มีคนสงสัยว่าทำไมตนเองถึงรู้ข้อมูลเยอะและมีภาพภายในนั้น นายสันธนะ ระบุว่า คนที่ทำงานในบ่อนเขาก็เป็นพนักงานคนหนึ่ง ถอดกล้องวงจรปิด ถูกสั่งให้ทำโน้นนี่ ในขณะที่เพื่อนเขาถูกยิง ดังนั้นนายตี้ ไม่ได้มองเขาไปในใจของคนทำงานแต่กลับมัวแต่ทำลายหลักฐาน จึงเป็นที่มาของการได้ข้อมูลจากคนใน
และยอมรับว่า ตนเองรู้จักกับเจ้าของสถานที่เป็นการส่วนตัว แต่ไม่เคยเข้าไปข้างในเพราะเป็นเรื่องมารยาท
สาวนคดีนี้จะจบอย่างไรนี้น มองว่า คดีนี้ก็จะต้องจับกุมดำเนินคดี และนายบอยก็ถือว่าเป็นพยานสำคัญด้วย แต่ส่วนตัวเชื่อว่า นายบอยไม่น่าจะเป็นคนลงมือ จากชื่อชั้นในวงการด้วย และข้อเท็จจริงมีชายชุดดำที่เข้าไปปฏิบัติแล้วออกไป ดังนั้นตำรวจจะต้องไปสืบหาให้ได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนกล้องวงจรปิดที่ถอดไป คาดว่าคงติดตามมาไม่ได้แล้ว คงจะเป็นการสืบสวนจากประจักษ์พยานแวดล้อมแทน