จ่อเรียก! 2 ครอบครัวเก็บดีเอ็นเอ สางคดี “น้องไตเติ้ล”

2020-08-05 12:20:17

จ่อเรียก! 2 ครอบครัวเก็บดีเอ็นเอ  สางคดี “น้องไตเติ้ล”

Advertisement

ตำรวจเตรียมเรียก 2 ครอบครัว เข้าเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ เร่งสางคดีน้องไตเติ้ล

จากกรณีที่ น.ส.กฤษณา ขวัญศรี ได้ไปคลอดลูกที่ รพ.ชัยนาทนเรนทร จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 27ก.ค.ที่ผ่านมา โดยต้องนอนทนปวดท้องกว่า2ชั่วโมง แต่พยาบาลไม่ยอมให้เธอเบ่งลูกออก จนทำให้เธอต้องสูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะหลังจากที่เธอทนไม่ไหวเบ่งคลอดลูกออกมา แพทย์บอกว่า ลูกชายของเธอไม่หายใจและเสียชีวิตลง โดยอ้างว่าเด็กเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้เธอและสามีไม่ปักใจเชื่อเพราะการตรวจครรภ์ก่อนคลอดลูกยังดิ้น ชีพจรยังปกติ จึงต้องการร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายและครอบครัว แต่ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวซ้ำขึ้นมาอีกเมื่อทางโรงพยาบาลได้จ่ายศพผิดโดยเอาศพสลับกับครอบครัวอื่น และถูกเผาไปแล้ว ทำให้ทางครอบครัวผู้เสียหายมั่นใจว่า เป็นกระบวนการทำลายหลักฐานของคนที่มีส่วนกระทำผิด จึงเข้าแจ้งความเพิ่มเติม และเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้บริหารของ รพ.ชัยนาทนเรนทรได้แถลงข่าวขอโทษและยอมรับผิดกับเหตุการณ์สลับศพทารกที่เกิดขึ้น โดยรับปากว่าจะสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษคนผิดภายใน7วันตามที่เราเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมานายอณวัฒต์ เปี่ยมศิริ และ น.ส.กฤษณา ขวัญศรี พ่อ-แม่ของน้องไตเติ้ล ได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยนาท พบกับ ร.ต.อ.ฉลองชัย บางจั่น พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี โดยขอแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมกับ ผอ.รพ.ชัยนาทนเรนทร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ห้องเก็บรักษาศพ ฐานร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพน้องไตเติ้ล และได้ขออำนาจพนักงานสอบสวนขอตรวจ DNA ครอบครัวตนกับเถ้าศพที่ถูกเผา เทียบกับของอีกครอบครัวที่นำไปเผา เพื่อจะนำไปต่อสู้ทางคดีกับโรงพยาบาล เพราะมั่นใจว่าน้องไตเติ้ลคลอดมาปกติดี แต่อาจจะเสียชีวิตจากความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ แถมยังมีการสลับศพให้ครอบครัวนายชัยวัฒน์ กุลทอง นำไปเผา ซึ่งครอบครัวมั่นใจว่าเป็นการจงใจทำลายหลักฐาน และเมื่อถามว่าหากทางโรงพยาบาลติดต่อขอชดใช้เยียวยาด้วยเงินก้อน ทางครอบครัวจะรับหรือไม่ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของน้องไตเติ้ลตอบเหมือนกันในทันทีคือ เงินซื้อชีวิตลูกไม่ได้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด




ล่าสุด ร.ต.อ.ฉลองชัย บางจั่น พนักสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า การแจ้งข้อกล่าวหาซ่อนเร้นทำลายศพ ในวันนี้ยังไม่สามารถแจ้งข้อหาทันทีได้ เพราะต้องรอผลการผ่าพิสูจน์จาก รพ.สวรรค์ประชารักษ์เสียก่อนว่า น้องไตเติ้ลตายในท้องหรือตายหลังคลอด เพื่อระบุสภาพบุคคล จึงขอให้อดใจรออีกนิด หากผลออกมาว่าน้องมีชีวิตหลังคลอดก็จะสามารถแจ้งข้อหาซ่อนเร้นทำลายศพได้ และยังเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ทำให้ตายในผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆด้วย แต่ปัจจัยสำคัญคือ ผลการผ่าพิสูจน์จาก รพ.สวรรค์ประชารักษ์ที่คาดว่าจะทราบภายในสัปดาห์หน้า ส่วนการเก็บดีเอ็นเอ ตรวจพิสูจน์นั้น พนักงานสอบสวนจะเชิญตัวทั้ง2ครอบครัว คือ ครอบครัวน้องไตเติ้ลและครอบครัวของนายชัยวัฒน์มาที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานชัยนาท เพื่อเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอภายในสัปดาห์นี้เพื่อเร่งสางคดีให้เกิดความกระจ่างโดยเร็วที่สุด