ญาติหนุ่ม อบต.แห่โลงศพ ประท้วง ตร. ขอความเป็นธรรม

2020-08-04 16:35:24

ญาติหนุ่ม อบต.แห่โลงศพ ประท้วง ตร. ขอความเป็นธรรม

Advertisement

ญาติหนุ่ม อบต.แห่โลงศพประท้วงตำรวจ ขอความเป็นธรรม เชื่อถูกซ้อมก่อนตาย ผู้การสั่งเด้งขาด สวญ.ร่วมชุดสืบ ตั้งทีมทำสำนวนส่ง ป.ป.ช.เอาผิดทั้งอาญาและวินัย

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายวรเทพ แขมคำ อายุ 43 ปี ญาติผู้เสียชีวิต รวมถึง น.ส.ณัชฐ์ชญา แขมคำ อายุ 33 ปี นายศราวุฒิ โสภาวงค์ อายุ 38 ปี พี่สาว น้องชาย ผู้เสียชีวิต น.ส.กนกพร พงษ์พันษ์ อายุ 38 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต และญาติพี่น้อง ได้นำโลงศพผู้เสียชีวิตคือ นายวิทยา โสภาวงค์ อายุ 40 ปี พนักงาน อบต.ก้านเหลือง แห่ขึ้นรถกระบะ ออกมาจากบ้านพัก บ้านจำปา ต.ก้อนเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม เพื่อมาประท้วงเรียกร้องขอความเป็นธรรม กับ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม รวมถึง นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม และหน่วยงานเกี่ยวข้องระดับจังหวัด เพื่อดำเนินการเอาผิดทั้งทางอาญา และทางวินัย กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองบ่อ อ.นาแก จ.นครพนม

สืบเนื่องจากกรณี เมื่อคืนวันที่ 28 ก.ค.ได้มีตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองบ่อ อ.นาแก จ.นครพนม เข้าไปจับกุม วัยรุ่นที่นั่งดื่มเหล้า ภายในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ บ้านจำปา ต.ก้านเหลือง อ.นาแก จ.นครพนม จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวกลุ่มวัยรุ่น ได้จำนวน 6 ราย ตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 10 เม็ด และมีการตรวจพบสารเสพติด จึงดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ในช่วงเข้าจับกุม ได้มี นายวิทยา โสภาวงค์ อายุ 40 ปี พนักงาน อบต.ก้านเหลือง ไปนั่งดื่มเหล้าอยู่ในบ้านดังกล่าวด้วย และตกใจกลัววิ่งหนี จนกระทั่งตำรวจวิ่งไล่ไปจับกุมตัวมาได้ และควบคุมตัวมาสอบสวน ที่ สภ.หนองบ่อ แต่ยังไม่ได้ทำการตรวจหาสารเสพติด และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ตายได้เกิดอาการหน้ามืด แน่นหน้าอก จนหมดสติ ทางตำรวจจึงนำตัวส่งไปตรวจรักษาที่ รพ.อำเภอนาแก แต่แพทย์ระบุเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล โดยทางญาติติดใจเชื่อว่า ผู้ตายถูกทำร้ายร่างกาย ช่วงมีการจับกุม เป็นต้นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จึงได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดกับตำรวจชุดจับกุม แต่คดีไม่คืบ จึงต้องออกมาประท้วงขอความเป็นธรรม และยืนยันไม่ยอมเผาศพ




โดยวันนี้ทางด้าน พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พ.ต.อ.พลาเดช เพ็ชรหว้าโง๊ะ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม และเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง มารับเรื่องร้องทุกข์ กับญาติผู้เสียหาย พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดี และยืนยัน ที่จะดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้ประสานทางจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้ นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว ปลัดจังหวัดนครพนม พร้อมเจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม มารับเรื่อง พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียกร้องสิทธิ์ จนเป็นที่พอใจ และยอมนำศพผู้เสียชีวิตกลับไปบำเพ็ญกุศล

พ.ต.อ.ทัศนัย โอฬาริกเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุดวันนี้ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ที่ 590/2563 และ 592/2563 ให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ประกอบด้วย ชั้นสัญญาบัตร 2 นาย ชั้นประทวน 7 นาย มี 1.พ.ต.ท.อำนาจ บุญประไพ สารวัตรใหญ่ สภ.หนองบ่อ 2.พ.ต.ท. ศักดิ์ งามสเนห์ สารวัตรอำนวยการ 3.ส.ต.ท.พลวัฒน์ ฉายพล 4. ส.ต.ต.โกเมนทร์ ทาตาสุข 5.ส.ต.ต.เชิดวุฒิ อาจวิชัย 6. ส.ต.ต.วรวุฒิ ศรีแก้ว 7. ส.ต.ต.ธีรเดช เมืองโตร และ 8.ส.ต.ต.พีรวิชญ์ ศรีมูล ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม นอกจากนี้ในส่วนของการเรียกร้องให้ดำเนินคดี ทางตำรวจจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย โดยได้ตั้งทีมพนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทุกราย เพื่อสรุปสำนวนส่งไปยัง ป.ป.ช. เนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติเจ้าหน้าที่โดยมิชอบ




ทั้งนี้จะแบ่งสำนวน ออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 สำนวนสอบสวนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการเข้าไปตรวจสอบจับกุมดำเนินคดีกลุ่มวัยรุ่น ทั้ง 6 ราย กระทำความผิดเกี่ยวกับการเสพยาบ้า แต่อีก 1 ราย เป็นผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากเสียชีวิต ขณะควบคุมตัว ส่วนที่ 2 เป็นการสอบสวนสรุปสำนวนกรณีญาติผู้เสียชีวิตเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนที่ 1 และ 2 และส่วนที่ 3 เป็นสำนวนเกี่ยวกับคดีชันสูตรพลิกศพ ซึ่งจะได้สรุปสำนวน ส่งไปให้อัยการเพื่อให้ศาลไต่สวน เพื่อพิจารณาว่า ผู้ตายเป็นใคร จากสาเหตุอะไร ถูกทำร้ายตาย หรือสาเหตุอื่นๆ โดยศาลจะเป็นผู้ไต่สวนพิจารณา ก่อนที่จะมีคำสั่งสรุปสาเหตุการเสียชีวิต และ เสนอไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งในการทำสำนวนมีระยะเวลา 30 วันตามกฎหมาย จากนั้น ปปช.จะเป็นผู้ชี้มูลความผิดออกคำสั่ง มายังตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ให้ดำเนินการตามกฎหมาย หากตำรวจชุดถูกกล่าวหาถูก พิจารณามีความผิด ทางตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม จะได้ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย ตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตามทางตำรวจยืนยัน จะดำเนินคดีตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และมีการออกคำสั่งแต่งตั้ง ตำรวจไปดูแลรักษาการ ปฏิบัติหน้าที่แทน ไม่กระทบต่อการดูแลประชาชน ส่วนการชดเชยเยียวยาจะต้องรอขั้นตอนทางกฎหมาย อีกส่วนได้ประสานให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องสิทธิที่จะได้รับ

น.ส.กนกพร พงษ์พันษ์ อายุ 38 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า รู้สึกสบายใจขึ้น หลังตำรวจระดับผู้บังคับบัญชามาดูแล รับเรื่อง เพราะก่อนนี้ยอมรับว่าครอบครัวเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะคู่กรณีเป็นตำรวจ จึงต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ยืนยันว่า พฤติกรรมของสามีไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนจะไปนั่งดื่มกินกับ กลุ่มเพื่อนวัยรุ่นในหมู่บ้านถือเป็นธรรมดา คนในหมู่บ้านเดียวกัน ทุกคนรู้ประวัติการทำงานของสามีดี เป็นพนักงาน อบต.มาหลายปี ไม่เคยมีปัญหา ดูแลครอบครัว ปัญหาสำคัญคือ มีบุตรชายสองคน คนโตอายุ 10 ขวบ คนเล็กเพิ่งขวบครึ่ง ส่วนตนเป็นแม่บ้านต้องแบกภาระเลี้ยงดูลูก สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตสามีตนมั่นใจว่า สามีถูกทำร้าย เพราะปกติไม่มีโรคประจำตัว แข็งแรง หากจะมาจากสาเหตุโรคประจำตัวไม่มีแน่นอน