“ผอ.อสป.” ยันองค์การสะพานปลาโปร่งใส ทุกแผงต้องได้ขายเมื่อจ่ายรักษาสิทธิ์ !!

2020-08-04 13:50:31

“ผอ.อสป.” ยันองค์การสะพานปลาโปร่งใส ทุกแผงต้องได้ขายเมื่อจ่ายรักษาสิทธิ์ !!

Advertisement

องค์การสะพานปลา แจงชัด ! ทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้ตลาดประมงอ่างศิลา “Fish Marketing Organization” ขนาดใหญ่กลางทะเลแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมเปิดกระหึ่มต้นเดือน ธ.ค.63 นี้



"ดร.มณเฑียร อินทร์น้อย" ผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา (อสป.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดประมงอ่างศิลา “Fish Marketing Organization” ตลาดปลากลางทะเลแห่งแรกในประเทศไทย ที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในต้นเดือน ธ.ค.63 นี้ มีผู้ค้าที่สนใจเข้ามาเปิดแผงขายสินค้าอาหารทะเลเพิ่มขึ้น 84 ราย จากเดิมที่มีการยืนยันสิทธิ์ไว้แล้ว 283 ราย และผู้ที่มีรายชื่อตกหล่น ซึ่งเป็นกลุ่มประมงอ่างศิลาเดิมอีก 16 ราย ซึ่งกลุ่มใหม่ 84 ราย มีความต้องการที่จะได้พื้นที่ร้านค้า เพื่อใช้ประกอบอาชีพ จึงขอวางหลักประกันไว้ก่อน หากมีผู้สละสิทธิ จะขอโอกาสเข้ามาเปิดแผงขายในพื้นที่ดังกล่าว






ทั้งนี้ "ดร.มณเฑียร อินทร์น้อย" ได้กล่าวว่า “ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาองค์การสะพานปลา ในฐานะหน่วยงานเล็กๆ ที่กำกับดูแลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ช่วยเหลือผู้ค้า และชาวประมงพื้นบ้านมาโดยตลอด เป็นองค์กรที่ไม่เคยหวังผลค้ากำไรแต่อย่างใด ทั้งนี้ ท่าเทียบเรืออ่างศิลา จากผู้ค้า 173 ราย เพิ่มเป็น 283 ราย และเพิ่มอีก 16 ราย ขณะที่พื้นที่มีจำกัด ในฐานะผู้กำกับดูแลจึงจำเป็นต้องจัดการให้ได้ เพื่อพี่น้องประชาชน จึงเป็นที่มาของการขอกู้เงินจำนวน 45 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี เพื่อดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ และเงินที่ได้จากผู้ค้าที่วางสิทธิ์ 120,000 บาทต่อแผง และค่าเช่ารายเดือนๆละ 3,000 บาท เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นภาระขององค์การสะพานปลาเอง”





สำหรับเรื่องแผงค้า ที่มีกลุ่มผู้มีผลประโยชน์ เข้ามาจะเอาแผงค้าไปปล่อยต่อหรือเช่าช่วง โดยปั่นราคาสูง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ราคา 400,000-700,000 บาท จาก 120,000 บาท การจัดการพื้นที่ตลาดขององค์การสะพานปลา ในฐานะเป็นหน่วยงานรัฐ การทำงาน ต้องทำให้มีความปลอดภัย ถูกสุขอนามัย ไม่มีสารปนเปื้อน เพื่อให้เป็นตลาดชั้นเลิศ และในฐานะเป็นผู้บริหารพื้นที่ จึงจำเป็นต้องสร้างกฎกติกา การอยู่ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับกลุ่มใหม่ทั้ง 84 ราย ที่ขอวางหลักประกันไว้ก่อนแล้ว หากมีผู้สละสิทธิ คนกลุ่มนี้ก็ควรได้รับสิทธิด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาก็เป็นคนอ่างศิลา เป็นคน จ.ชลบุรี และองค์การสะพานปลา ก็เป็นหน่วยงานของรัฐ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นของคนไทยทุกคนด้วยเช่นกัน





โดย "ดร.มณเฑียร" ได้กล่าวต่อว่า "ท่าเทียบเรือประมงอ่างศิลา ก่อสร้างมาตั้งแต่ ปี 2501 จนเมื่อ ปี 2559 ได้ตรวจสอบพบว่า ท่าเทียบเรือประมงอ่างศิลาชำรุดทรุดโทรมมาก เกรงว่าจะอาจเกิดอันตรายกับผู้ค้า นักท่องเที่ยว และประชาชนที่มาใช้บริการได้ องค์การสะพานปลา จึงมีแผนดำเนินการก่อสร้างใหม่ โดยขออนุมัติงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 186 ล้านบาท เพื่อมาปรับปรุงท่าเทียบเรืออ่างศิลาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ซึ่งการก่อสร้างกว่า 2 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาติดขัดหลายอย่าง ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ จนวันที่ 18 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา ผมได้เข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการองค์การสะพานปลาคนใหม่ จึงทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และพยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งองค์การสะพานปลา ในฐานะหน่วยงานของรัฐ ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีที่กำกับดูแล นายประภัตร โพธสุธน ซึ่งท่านได้ให้ความสำคัญ และได้ลงพื้นที่กำกับและติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และได้ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานราชการต่างๆ ในจังหวัดชลบุรีเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น จนปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าไปมากแล้วกว่า 90% แล้ว และพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในต้นเดือนธันวาคม 2563 ที่จะถึงนี้"