อสส.มีความเห็นให้สอบใหม่ 2 ประเด็น ปม "อัยการ" สั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ยืนยันคดียังไม่หมดอายุความ
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ภายหลังจากคณะทำงานตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวร ยุทธ คดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อ2555 ตรวจสอบสำนวนคดีครบกรอบเวลา 7 วัน ได้แถลงผลการตรวจสอบคดี โดยมี น.ส.เสฏฐา เธียรพิลากุล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด, นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา, นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมแถลงข่าว
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า โดยสรุปคณะทำงานมีข้อเสนอแนะใน 2 ประเด็น คือ ประเด็นเรื่องของขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้คดีนี้พนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เห็นแย้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าคดีนี้จะสิ้นสุดลง เพียงแต่เป็นการงดการสอบสวนเว้นแต่จะมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งในคดีนี้ช่วงเวลาหลังเกิดเหตุมีการให้นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ คือ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนทำรายงานการคำนวนความเร็วซึ่งพบว่าอยู่ที่มากกว่า 126กม./ชม ซึ่งไม่เคยปรากฎความเห็นของ ดร.สธน อยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวน จึงถือว่าข้อมูลนี้เป็นพยานหลักฐานใหม่ที่สามารถไปสอบสวนเพิ่มเติม และดำเนินคดีเรื่องความเร็วรถใหม่ได้ เพราะคดียังไม่หมดอายุความ ส่วนอีกหนึ่งความเห็น คือ การพบสารแปลกปลอมในร่างกายของนายบอส แต่พนักงานสอบสวนไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหาว่าการเสพยาเสพติดอยู่ในสำนวนคดี จึงมองว่าควรมีการแจ้งข้อกล่าวหา โดยให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม
ขณะที่นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ขยายความว่า จากการตรวจเลือดในขณะนั้นพบสาร 2 ชนิดอยู่ในร่างกาย คือ เบนซอยเลโคนีน และโคคาเอชเชอลีน ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็นสารที่พบในร่างกายเมื่อมีการเสพโคเคนร่วมกับดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่า การพบสาร 2 ตัวใหม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการเสพโคเคน จึงมีการไปสอบทันตแพทย์เพิ่มเติมว่าสารดังกล่าวสามารถพบได้ในยาแก้ปวด แอมม็อกซี่ จึงมีความเห็นว่าประเด็นนี้ยังไม่ชัดเจน จึงเห็นควรให้สอบประเด็นนี้เพิ่มเติม คดีนี้ทำให้เห็นปัญหาของระบบว่ามีช่องโหว่หลายจุด หลังจากนี้อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการร้องขอความเป็นธรรมใหม่ ซึ่งจะต้องมีการถอดบทเรียนใหม่
ด้าน นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ยืนยันว่าคดีนี้ยังไม่ถึงที่สิ้นสุดอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะว่าสำนวนคดียังไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่หยิบยกมาเสนอแนะ และการนำพยานหลักฐานใหม่เข้ามาพิจารณา จึงไม่ใช่การรื้อฟื้นคดี
ส่วนที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่พิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ นายประยุทธ ชี้แจงว่า เรื่องนี้คณะทำงานไม่สามารถไปก้าวล่วงอำนาซึ่งไม่สามารถวินิจฉัยว่าใครผิดหรือถูกได้ โดยทำได้แค่เสนอให้อัยการสูงสุด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พศ.2553 ต่อไป
