“หนึ่ง มาฬิศร์” เคยเลือกทางผิดใช้ยาเสพติด ปัจจุบันอวดหุ่นแซ่บในวัย 50 หัวใจรักคนที่ใช่ ไม่ใช่ที่เพศ
ต้องบอกว่าเป็นอดีตพระเอกละครพื้นบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สำหรับ "หนึ่ง มาฬิศร์ เชยโสภณ" เพราะตอนนั้นละครทำเรตติ้งได้สูงสุดถึง 19 แจ้งเกิดเปรี้ยงจากละครจักรๆ วงศ์ๆ แต่เมื่อถึงจุดที่ละครพีคสุดชีวิตกลับดิ่งลง สูญเสียทั้งคุณพ่อ-คุณแม่ ไม่มีงานจนต้องหันมาพึ่งยาเสพติดถูกตำรวจจับ ทำให้คิดได้ จนมาถึงปัจจุบันในวัย 50 ปี แต่ความแซ่บของหุ่นนั้นไม่ธรรมดา แถมยังเปิดใจความรักไม่ปิดกั้นเรื่องเพศ โดยเจ้าตัวออกมาพูดทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW อย่างหมดเปลือก
เรตติ้งละครสูงมาก ?
หนึ่ง : ตอนเข้ามาก็เล่นละครทั่วไป ผ่านไป 3 ปีก็มาเล่นจักรวงศ์เล่นเป็นพระเอก เราก็มีฐานคนดูจากละครมาแล้วส่วนหนึ่งด้วย ละครเช้าเป็นละครที่คนดู ดูเยอะมากเป็นปติอยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าเรื่องที่เรามาเล่นมีฟีดแบ็กที่ดี เรื่องสนุก มันเลยทำให้ช่วงนั้นเรตติ้งขึ้นสูงมาก เรื่องที่เรตติ้งเยอะที่สุดคือดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง
หลังจากได้เรตติ้ง 19 สูงสุด งานเริ่มลดลง ?
หนึ่ง : ตอนนั้นถือว่าพีคมากประมาณ 4-5 ปี ช่วงนั้นถ่ายจักรวงศ์ ละครเย็น ละครหลังข่าวด้วย นั่นคือพีคสุดเลย พอหลังจากนั้นก็พ่อป่วยเป็นมะเร็ง ก็หมอบอกประมาณ 6 เดือน เราก็ช็อกแต่ก็รักษากันไปตามอาการ ช่วงหนึ่งคุณแม่เครียดด้วยความที่เป็นเบาหวานความดันอยู่แล้วก็เส้นเลือดในสมองปริเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งหนึ่ง จากคุณพ่อที่ป่วยอยู่ก็มีแรงลุกขึ้นมาดูแลคุณแม่เฉยเลย อยู่ได้จนเลย 6 เดือน จนคุณแม่เริ่มดีขึ้น ประมาณ 9 เดือนพ่อก็ไป คุณแม่เสียหลังคุณพ่อประมาณ 2 ปี ตอนนั้นคุณแม่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมา 6 เดือนแล้ว วันก่อนที่จะไปคุณแม่มาปลุกผม ปกติก็ไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็มาปลุกมาเรียก เราก็แบบปลุกอะไรยังไม่สว่างเลย ลืมตามาก็นึกได้ว่าแม่ไม่อยู่แม่อยู่โรงพยาบาลแล้วโทรศัพท์ก็ดังให้มาด่วนคุณแม่จะเสียแล้ว
ช่วงเสียพ่อแม่หันไปหายาเสพติด ?
หนึ่ง : มันเป็นความอ่อนแอของเราเอง มันเหมือนเป็นการหนี ตอนพ่อเสียก็มีเงินที่เป็นมรดกตกทอดมาให้ เรามีเงินส่วนตัวด้วย เริ่มทำธุรกิจด้วย ปรากฏว่ามันไม่สำเร็จสุดท้ายก็หมดเงินไปกับตรงนั้น แต่เราก็คิดว่าไมเป็นไรเรายังมีงานละครมันคงเลี้ยงชีพเราต่อไปได้ เราก็มีความคาดหวัง แต่ปรากฏว่าช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่เราพีคสุดๆ ละครแน่นสุดๆ ละก็หายไปเลย ไม่มีเลยยาวๆ เราก็คิดว่ายังมีเงินเก่าเก็บเอาไปใช้ส่วนหนึ่ง ลงทุนส่วนหนึ่ง สุดท้ายพอมันไม่เวิร์กเงินก็หายไปเรื่อยๆ งานก็ไม่มี คิดลบแหละแต่ก็ยังใช้ชีวิตปกติเงินก็หายไปเรื่อยๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะเราหนีปัญหา พอเราไปปรึกษาใครก็ไม่มีใครเชื่อแต่พอสุดท้ายแล้วเราก็หนีได้แป๊บเดียวปัญหามันก็ยังอยู่ที่เดิมวนลูปไปอย่างนั้น
ถูกตำรวจจับ ?
หนึ่ง : ใช่ครับ ถือเป็นเรื่องที่ดีนะ เราไม่รู้ว่าถ้าตำรวจไม่มาจับเราเราก็เป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน โดนจับไปอยู่ห้องขังซึ่งช่วงเวลานี่ทำให้เราคิดเรื่องราวเก่าๆ กลับเข้ามา อะไรที่แม่คอยสอนเคยพูด พอสติกลับมาปุ๊บทุกอย่างมันกลับมาเร็วมาก เลยทำให้รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะสภาพแวดล้อมใดๆ เลยตัวเราเองทั้งนั้น พอยอมรับตัวเองได้มันก็จบเลย ไม่อยากฆ่าตัวตาย ไม่โทษใคร หลังจากนั้นมาคือเราเป็นผู้เสพ ก็ถือเป็นผู้ป่วยส่งบำบัด ไปบำบัดที่สาธารณสุขเขตไปคุยกับเจ้าหน้าที่
เอาสมบัติเก่ามาขายกิน ?
หนึ่ง : มันเป็นเรื่องช่วงโควิดมีเพจธรรมศาสตร์ที่ฝากร้าน มันดูแล้วสนุกดีก็เลยแบบอยากขายมั่งมีไรขายบ้าง เรามีที่ที่เชียงใหม่จริงๆ ประกาศขายอยู่แล้ว เราก็เขียนเป็นเรื่องตลกไปปรากฏว่ามีสื่อดึงเอาไปเล่นมีปัญหาโควิดนี่หว่าเอามรดกมาขายกิน แล้วมันมีรูปที่ตอนนั้นเราอาหารเป็นพิษโทรมๆ ลงไอจี เขาเอารูปนั้นไปประกอบข่าว เป็นข่าวเดียวกันที่บอกว่าเป็น HIV ก็เอารูปนี้ไปประกอบข่าวเหมือนกัน
หุ่นแซ่บในวัย 50 ?
หนึ่ง : ถ่ายออกมาแล้วมันได้มุมนี้พอดี ถ้าคนติดต่อมาถ่ายแบบคงไม่ครับ
ตอนนี้โสดไหม ?
หนึ่ง : โสดครับ โสดมาเป็น 10 ปีแล้ว แม่ดูดวงตั้งแต่เกิดมาแล้วว่าดวงนี้เป็นดวงไม่มีคู่ ตอนบั้นปลายชีวิตบวชตลอดชีวิตแล้วจะดี
คบได้ทุกเพศ ?
หนึ่ง : พี่ปุ๊ อัญชลี บอกว่าวันหนึ่งมันถึงเวลาคงพูดว่าใครก็ได้สำหรับตัวฉัน ถ้าเขานั้นชอบฉันจริงใจ
คลิปสัมภาษณ์ หนึ่ง มาฬิศร์