"คณะก้าวหน้า" ลุยสมุทรปราการ "ปิยบุตร" ลั่นเปลี่ยนการเมืองท้องถิ่นจากที่ดูนามสกุล ตระกูลการเมือง ให้มาดูที่นโยบาย ด้าน "ธนาธร" ชี้ปากน้ำนำงบท้องถิ่นมารวมกันตกปีละ 16,000 ล้าน รวม 4 ปี 64,000 ล้าน สามารถทำให้สมุทรปราการดีขึ้นได้ แต่ที่ผ่านมาทำไมไม่เคยรู้สึกมีความเปลี่ยนแปลง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นหลายคนบอกว่าโหด ดุ ยิ่งกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ มีทุจริตคอร์รัปชัน มีเรื่องอำนาจของบ้านใหญ่ นี่คือภาพที่เขาพยายามสร้าง คือวาทกรรมที่ทำให้คนไม่อยากยุ่งการเมือง ดังนั้น เราเข้ามาเพื่อทำลายเรื่องนี้ โดยคณะก้าวหน้าจะสู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้อย่างสร้างสรรค์ การทำครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อให้ใครเป็นนายก อบจ. ไม่ได้ทำเพื่อให้ใครเป็นนายกเทศมนตรี แต่เราจะทำให้เห็นว่าการเมืองท้องถิ่นแบบใหม่สามามารถเกิดขึ้นได้ เราจะทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้สร้างสรรค์ แตกต่างจากในอดีต เราจะเชื้อเชิญให้ประชาชนมาดูกันที่นโยบายว่าเลือกคนคณะก้าวหน้าแล้วเขาจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างไร แข่งกันที่นโยบาย แทนที่จะแข่งกันว่าใครบ้านใหญ่กว่าใคร พอกันทีกับคนที่อยากลงเลือกตั้งท้องถิ่นคือคนที่เคยหิ้วกระเป๋าตามนายในบ้านใหญ่ แล้วพอมีโอกาสก็ได้ลง ดังนั้น เราจึงเปิดรับตัวแทนอย่างกว้างมาก ใครสนใจเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดของตัวเองก็สมัครมาทางออนไลน์ได้เลย
"คณะก้าวหน้าวางตัวเองเป็นช่องทางให้ท่านเข้ามาสมัครเป็นตัวแทน ผ่านการคัดเลือกและลงในนามคณะก้าวหน้า เราจะมีนโยบายภาพใหญ่ร่วมกัน ส่วนรายละเอียดอาจต่างกันไปแล้วแต่ละพื้นที่ และครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่คือ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และผม รวมถึงแกนนำคณะก้าวหน้าจะไปช่วยเดินหาเสียง ทำการเมืองท้องถิ่นครั้งนี้ให้ตื่นเต้น สร้างสรรค์กว่าที่เคย เปลี่ยนการเมืองท้องถิ่นจากที่ดูนามสกุล ตระกูลการเมือง ให้มาดูที่นโยบาย เอาคนรุ่นใหม่ที่อยากพัฒนาบ้านเกิดตัวเองที่เสนอตัวมาสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จก็จะเป็นการเขย่าการเมืองท้องถิ่นอีกครั้งหนึ่ง เราไม่ได้เลือกตั้งท้องถิ่นมาแล้วเกือบ 10 ปี พฤติกรรมการเลือกตั้งท้องถิ่นเปลี่ยนไปแล้ว ประชาธิปไตยจะเข้มแข็งได้ ต้องมีรากฐานที่เข้มแข็ง การเปลี่ยนแปลงเริ่มได้ที่บ้านท่านเอง" นายปิยบุตร กล่าว
ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ภารกิจของ คณะก้าวหน้า มี 3 ส่วนสำคัญ คือ 1.ณรงค์ทางความคิดเรื่องวาระที่ก้าวหน้า นโยบายสาธารณะที่แหลมคม เช่น รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ รณรงค์ปฏิรูปกองทัพ 2. สร้างเครือข่ายเชิงพื้นที่ เครือข่ายเชิงประเด็นที่พร้อมผลักดันให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย เราจำเป็นจะต้องมีประชาชนจำนวนมากเป็นแนวร่วม และ 3.ทำงานการเมืองท้องถิ่น ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ทำให้เรามาเจอกันในวันนี้ โดยที่ จ. สมุทรปราการ ถ้าเอางบประมาณของท้องถิ่นทุกระดับ 50 กว่าท้องถิ่นมารวมกัน ตกปีละ 16,000 ล้านบาท และถ้าอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี ก็จะตกเป็นงบประมาณ 64,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถทำให้สมุทรปราการดีขึ้นได้ แต่ที่ผ่านมาทำไมเราไม่เคยรู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลง เหตุสำคัญส่วนหนึ่งนั่นเพราะเราไม่สนใจการเมืองท้องถิ่น เขาบอกเราว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก การเมืองท้องถิ่นยิ่งสกปรก อย่าไปยุ่ง เพราะเราเชื่ออย่างนี้เลยไม่ไปยุ่ง พวกเขาก็อยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆ เขาพูดอย่างนั้นเพื่อตัวเองจะได้อยู่ในอำนาจและใช้งบประมาณเหล่านั้นโดยที่เราไม่เคยสงสัย ไม่เคยตั้งคำถาม ซึ่งทุกบาททุกสตางค์มาจากภาษีของเรา ถึงเวลาแล้ว อยากชวนให้ทุกคนกลับมามองอีกครั้งว่าการเมืองท้องถิ่นมีความหมาย
"นี่เป็นเวลาของการเปลี่ยนแปลง นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะการเมืองท้องถิ่นไม่ได้เลือกมา 10 ปีแล้ว ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ การเมืองใกล้ชิดกับตัวเราและสังคมของเรา หันมาใส่ใจการเมือง ทำให้เป็นเรื่องสร้างสรรค์ อย่าให้ใครมาหลอกเราอีกต่อไปว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก การเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งหน้า อำนาจอยู่ในมือท่านว่าจะให้ใครบริหารเงินงบประมาณนี้แทนท่าน หยุดการเมืองท้องถิ่นแบบเดิมๆ เปลี่ยนมาเป็นการเมืองท้องถิ่นที่พูดถึงเรื่องนโยบาย เรื่องคุณภาพชีวิตของผู้คน เอางบประมาณนั้นมาทำให้จริงๆ จังๆ โดยไม่มีการทุจริต ให้มันรู้กันไปว่าเงิน 16,000 ต่อปี มันจะทำให้ จ.สมุทรปราการดีขึ้นไม่ได้ ทั้งนี้ ไม่เคยมีใครทำการเมืองท้องถิ่นให้เป็นเรื่องระดับประเทศมาก่อน นี่คือความทะเยอทะยานทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่เราจะส่งผู้สมัครท้องถิ่นในชื่อเดียวกัน แคมเปญรณรงค์แบบเดียวกันทั่วประเทศ" นายธนาธร กล่าว