"จารุชาติ"พยานคดี "บอส"ดับ ขี่ จยย.ชนคู่กรณีล้มหัวฟาดคอนกรีต (คลิป)

2020-07-30 17:15:15

"จารุชาติ"พยานคดี "บอส"ดับ ขี่ จยย.ชนคู่กรณีล้มหัวฟาดคอนกรีต (คลิป)

Advertisement

"จารุชาติ" พยานปากสำคัญคดี "บอส" เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขี่ จยย.ชน จยย.คู่กรณีล้มหัวกระแทกคอนกรีตเกาะกลางถนนที่เชียงใหม่ ผกก.สภ.ภูพิงค์เผยตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายทั้ง 2 ฝ่าย เรียกคู่กรณีพบ 31 ก.ค.  ด้านลูกสาวพร้อมญาติรุดรับศพยอมรับไม่ทราบเรื่องคดี พร้อมนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเชียงราย

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 30 ก.ค.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าหน่วยรักษาศพ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ น.ส.ตะวันฉาย มาดทอง อายุ 15 ปี ลูกสาวของนายจารุชาติ​ พร้อมด้วยญาติได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพ นายจารุชาติ​ มาดทอง อายุ 40 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน เป็นเหตุให้เสียชีวิต บรรยากาศที่ด้านหน้าหน่วยรักษาศพเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทางญาตพบว่า สภาพใบหน้าของนายจารุชาติ ยังคงปกติ แต่มีเลือดออกที่ศีรษะและหู หลังจากที่นำร่างของนายจารุชาติ บรรจุในโลงศพ พร้อมว่าจ้างให้รถของหน่วยรักษาศพไปส่ง เพื่อเคลื่อนย้ายไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านหมู่ที่ 15 ต.ม่วงคำ อ.พาน จ.เชียงราย คาดว่าจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชม. ตลอดการเดินทางนั้น ทางครอบครัวก็ได้นำเหรียญมาโปรยระหว่างทางด้วย


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปดูบริเวณที่เกิดเหตุพบเศษกระจกรถ และถุงมือของเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่ถอดวางไว้อยู่บริเวณที่เกิดเหตุเท่านั้น ส่วนรอยเลือดหรือร่องรอยอย่างอื่นไม่พบที่เกิดเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.รณชัย รอดลอย ผกก.สภ.ภูพิงค์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุพบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.50 น. นายจารุชาติ มาดทอง ได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 เอส สีเทา-ดำ หมายเลขทะเบียน ครข 221 เชียงใหม่ มาตามถนนสายห้วยแก้ว มุ่งหน้าเข้ากลางเมืองเชียงใหม่ เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ก่อนถึงสามแยกไฟแดงฟ้าธานี ได้มีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีดำ หมายเลขทะเบียน 7ค 2340 เชียงใหม่ โดยมีชายคนหนึ่งขับอยู่ด้านหน้า ซึ่งนายจารุชาติ ผู้ตายได้ขี่รถไปชนเข้าบริเวณท้ายด้านซ้ายของรถคู่กรณีที่อยู่ด้านหน้า ก่อนรถจะเสียหลักแฉลบล้มลงไปด้านขวา แล้วศีรษะไปกระแทกเข้ากับคอนกรีตเกาะกลางถนน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้นำตัวผู้บาดเจ็บไปส่ง รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาในเวลาประมาณ 04.50 น.

สำหรับคู่กรณีของนายจารุชาติ ได้รับบาดเจ็บปานกลาง ทางแพทย์ได้ทำการรักษาและอนุญาตให้กลับบ้านไปในเวลา 15.30 น. โดยผลการตรวจสอบแอลกอฮอล์ในร่างกายของแพทย์ระบุว่า พบแอลกอฮอล์ในร่างกายทั้งคู่ และในวันที่ 31 ก.ค. จะเชิญคู่กรณีของผู้เสียชีวิตให้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ในขณะเดียวกันก็จะได้ตรวจการเดินตลอดเส้นทางว่ารถทั้งสองคันเดินทางมาอย่างไร เพื่อจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งในวันที่ 31 ก.ค. เรื่องราวต่างๆ จะกระจ่างทั้งหมด

ขณะที่ น.ส.ตะวันฉาย มาดทอง อายุ 15 ปี ลูกสาวของนายจารุชาติ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เจอพ่อมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งเจอกันล่าสุดคือวันเกิดของตนเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และเป็นครั้งเดียวที่เจอกัน ซึ่งตนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว พ่อทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง ทราบว่าพึ่งไปทำงานที่ไต้หวันอยู่ 3 - 4 ปี ก่อนจะกลับมาทำงานที่เชียงใหม่ และมาเสียชีวิต ส่วนที่ว่าพอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ตนยอมรับว่าไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเลย พ่อไม่เคยเล่าให้ฟัง และไม่เคยรู้ว่าพ่อไปเป็นพยานในคดีที่เกิดขึ้น


ในขณะที่ญาติของนายจารุชาติ กล่าวเสริมว่า ผู้ตายทำงานไม่เป็นหลักแหล่ง เมื่อก่อนทำงานอยู่ กทม. ก่อนจะเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน 3 - 4 ปี ก่อนจะกลับมาทำงานที่เชียงใหม่ มาเป็นพนักงานขับรถ แต่ไม่ทราบว่าทำงานที่ไหน ลักษณะงานเป็นยังไง ส่วนทางด้านคดีทางญาติไม่ทราบ กระทั่งได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุและนายจารุชาติ เสียชีวิต จึงเดินทางมารับศพ

ทางด้าน  พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก สภ.ภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค.  เวลาประมาณ 01.30 น. พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนบริเวณ ถนนห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ พนักงานสอบสวน จึงได้ประสานไปยังแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40ปี และคู่กรณี ได้รับบาดเจ็บ จึงได้ประสานคนเจ็บทั้ง 2ราย ส่ง รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ต่อมานายจารุชาติได้เสียชีวิตที่ รพ.  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวเบื้องต้นพบว่าเป็นอุบัติเหตุซึ่งเกิดจากการขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วเฉี่ยวชนกันของคู่กรณีโดยขณะนี้ในส่วนของนายจารุชาติอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป ส่วนคู่กรณีได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้นพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป คดีดังกล่าวได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้คงต้องรอรายงานผลตรวจจากเเพทย์ ผลการตรวจที่เกิดเหตุ และพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาประกอบ เพื่อพิสูจน์ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป