เปลือยหมดเปลือก "มัม ลาโคนิค" เคยเปย์เงินให้ผู้ชาย ติดการพนัน

2020-07-29 13:50:40

เปลือยหมดเปลือก "มัม ลาโคนิค" เคยเปย์เงินให้ผู้ชาย ติดการพนัน

Advertisement

ออกมาเปิดใจให้ฟังถึงเรื่องราวชีวิตแบบเปลือยหมดเปลือกทีเดียว สำหรับนักร้องเสียงดี "มัม ลาโคนิค" ล่าสุดได้มาเป็นคนแขกรับเชิญคนพิเศษอีกคนในรายการต้มยำอมรินทร์  ที่งานนี้เจ้าตัวเล่าว่าเคยดาวน์บ้าน ดาวน์รถ เปย์ผู้ชายพร้อมติดพนัน สูญเงินไปหลายล้านบาท จนวันหนึ่งก็คิดขึ้นได้เองหลังชีวิตเคยถล่ำลึกไปในทางที่ผิดจึงดึงตัวเองกลับมา ปัจจุบันเหมือนได้มีชีวิตใหม่เพราะหันหน้าเข้าวัดเพิ่งทางธรรมบำบัดจิต จนขาเมาท์ลือสนั่นว่าเตรียมออกจากวงการ



จริงหรือเปล่าที่เคยเปย์ผู้ชาย ?

คือพี่อ้วนเขาเป็นตัวอย่างเราเป็นเด็กเราต้องเดินตามผู้ใหญ่




เปย์หนักสุดให้ผู้ชายคืออะไร ?

เราเปย์รถค่ะ เราดาวน์แล้วให้เขาไปส่งเอง



ทำไมเราให้เขาเยอะขนาดนั้น เราถูกหลอกหรือเราหลง ?

เราหลงแล้วก็ถูกหลอกด้วย แต่เรารักเขาชอบเขา สิ่งที่เราให้เขาไป บ้านหรือรถ หรืออะไรเป็นเงินที่เราเก็บหอมรอมริบของเราเอง เราจะให้ผู้ชายสักคนเราจะไม่ไปเบียดเบียนทางบ้านของเราเลย ทุกอย่างคือจากรายได้ที่เราหามาได้เองทั้งหมด เราให้เขาไม่ใช่ให้หมดตัว เราก็เหลือเก็บไว้บ้าง เรามีเราก็แบ่งปัน 

นอกจากเปย์ผู้ชาย เคยติดการพนันไหม ?
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราทำงานแล้วได้เงินมาจากการร้องเพลง เงินเดือนออกปุ๊บ เราก็ไปเล่นเลยวันไหนได้ก็ได้ วันไหนเจ๊งก็เจ๊ง ดวงไม่ดีพอเราได้รับเงินมาก็เสียหมดสามสี่แสน มีครั้งหนึ่งถึงกับเอากุญแจรถเบนซ์วางเลย เพราะเราคิดว่ามันจะได้คืน แต่ปรากฏว่ารถก็ไปเลย พอกลับบ้านแม่ถามว่ารถไปไหน เราก็บอกเขาไปตามตรงเป็นเรื่องที่แม่เสียใจมาก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยตอนนั้นเราก็ยังเด็กมากๆด้วยตอนนั้นเราแค่ 20 ต้นๆเอง



สุดท้ายเราหลุดออกมาจากวงจรนี้ได้ยังไง ?



วันหนึ่ง คือ นอนแล้วตื่นขึ้นมานั่งแล้วก็คิดได้เอง เหมือนเราหมดเวรหมดกรรม จะคิดได้เองเลยว่าทำงานแทบตาย นี่เราเอาเงินที่เราทำงานไปเล่นเท่าไหร่แล้ว ทำไมเรายังเล่นอยู่ได้ เล่นไปเพื่ออะไร เล่นแล้วได้อะไร พอเรารู้ตัวด้วยตัวเองเราก็ตัดสินใจตอนนั้นเลยว่าฉันจะไม่เล่นอีกแล้ว เลิก ตั้งแต่วันนั้นมาคือเราไม่ได้เล่นอีกเลย

ตอนนั้นกว่าจะเลิกได้เราเสียไปเท่าไหร่

หลายล้านเลยค่ะ เพราะตั้งแต่ที่เราได้ทำงานมีขีวิตเป็นนักร้อง เราไม่เคยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยที่จะเอาไปลงทุนทำอะไร ซื้ออะไรเก็บไว้เพราะเราเล่นหมด แต่ตั้งแต่เลิกมาทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นมากๆไม่กล้ายุ่งเกี่ยวอีกแล้วการพนัน



ในชีวิตเคยถล่ำลึกไปในทางที่ผิด แต่ปัจจุบันเหมือนชีวิตใหม่ คนใหม่ เพราะมุ่งไปสู่สายธรรมะ ?

หลังจากที่เราตาสว่าง หลังจากวันนั้นที่เราเลิกเลย หักดิบ แล้วหลังจากนั้นเราก็ได้รู้จักกับคุณสอง วจี อุ้ย รวิวรรณ ทั้งสองคุณเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์เอกชัย สิริญาโน ของวัดใหม่ศรีร่มเย็น อำเภอเชียงของ เราได้มีโอกาสขึ้นไปงานกฐินที่วัดนี้ พอไปเราก็ได้เข้าไปนมัสการพระอาจารย์ ท่านเป็นพระสายพัฒนาท่านจะ พัฒนาวัด ดูแลพัฒนาหมู่บ้าน ของท่าน ร่วมไปถึงดูแลหน่อยงานต่างๆที่ไปขอความช่วยเหลือจากท่าน พระอาจารย์ท่านก็จะช่วยเหลือทุกเรื่อง ทุกอย่างเท่าที่พระอาจารย์จะช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร แทบจะทั่วประเทศไทยเลยที่เป็นลูกศิษย์ของท่าน ฝึกธรรมะ ฝึกสมาธิอยู่กับท่านซึ่งท่าเป็นคนสอน  ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งใจ ท่านเลยชวนปฏิบัติธรรม แต่ว่าบอกเลยเราไม่พร้อมที่สุด ที่จะเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิกับท่านได้ แต่ว่าเมื่อมีโอกาสสักครั้งหนึ่ง เราจะต้องทำให้ได้ แล้วตอนนี้ก็เลย ขึ้นๆลงๆอยู่ แต่ช่วงโควิดเราไปอยู่วัดเลยตั้งแต่ช่วง เมษายน เราไปนอนที่วัดเลยไปเป็นจิตอาสา ไปเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์ ช่วงแพ็คของ ที่ทางหน่วยไหนขาดแมส ลงพื้นที่ผู้ป่วยติดเตียง นำของไปบริจาคกับพระอาจารย์ หลังจากนั้นก็ได้ทำกิจกรรมในวัดด้วยอย่างเช่น ดูแลวัด กวาดลานวัด ล้างห้องน้ำ แม้กระทั่งอาหารถ้าเราก็โอกาสลงครัวเราก็ลงเข้าครัวทำอาหารของวัดด้วยตัวเราเองร่วมกับแม่ครัวที่นั่น แล้วท่านก็มีโครงการช่วงปิดเทอม โรงเรียนเชียงของ มีเด็กวัยรุ่น 9 คน มานอนที่วัดด้วย แล้วพระอาจารย์ท่านก็จะนำน้องๆมาร้องเพลงไฟล์เฟสบุ๊คเพื่อหารายได้ ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ลำบากช่วงโควิด




นอนนั้นเรายังไม่ได้ไปวัด แต่เราได้เห็นจากทางไลฟ์ เราเลยได้แจ้งกับพระอาจารย์ไปค่ะ ว่าถ้าเป็นทางดนตรีมัมช่วยได้ อยากจะไปช่วยไลฟ์ด้วยเราเลยได้ขึ้นไป ช่วยไลฟ์ทุกวันเสาร์ ไลฟ์สดร้องเพลง ก็มีผู้บริจาคเข้ามา ก็ทำมาเรื่อยๆ ทุกวันนี้ พอพระอาจารย์เห็นว่ามัม กับครูอ้วน อยู่ที่วัด ก็เลยมีโครงการขึ้นมาให้เราสองคนสอนเด็กๆร้องเพลง เด็ก 9 คนที่อยู่โรงเรียนเชียงของ ก็ได้เรียนวิธีการร้องเพลงจากเรา แล้วก็ได้เรียนเต้นกับครูเป็ด แบ่งเป็นคอร์สแบบบ้าน เอเอฟเลย แบบครูมัมสิบร้องกับครูอ้วน พอเสร็จแล้วก็ส่งไปเรียนเต้นกับครูเป็ด พวกเราทำบุญด้วยใจ

สามเดือนเราไปอยู่ที่วัดเลย มีจุดที่เราอยากจะลาวงการไหม ?

ไม่ค่ะ คือ ไปอยู่ตรงนั้นพระอาจารย์ท่านก็เข้าใจนะคะ เวลามีงานเข้ามา เราก็กราบเรียนท่านพระอาจารย์ ว่าเราขอมาทำงาน ก็ขอลงมาแล้วพอเสร็จงานเราก็กลับไป

แปลว่าช่วงนี้ชีวิตหลักๆของเราคืออยู่เขียงรายมากกว่ากรุงเทพฯเลยใช่ไหม ?

ตอนนี้อยู่เชียงรายตลอด



ส่วนมากใช้ชีวิตอยู่ที่วัดแบบนี้คิดไหมว่าจะไปทางธรรม ตัดทางโลกในวงการบันเทิง ?

ยังๆค่ะ เราก็ยังคงทำงานอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ



มาถามถึงงานกันบ้างเห็นว่า ร้องเพลงมา 40 ปี แต่มีเพียงแค่ 2 เพลงที่เป็นเพลงทำมาหากินของเรา ?

คือจะบอกว่ามันเป็นความอเมซิ่งนะ มัม มีเพลงซิงเกิ้ลแรก เพลงประกอบภาพยนตร์ พริกขี้หนูกับหมูแฮม เพลง เติมใจให้กัน เป็นเพลงแรก เราก็ร้องมาเรื่อยๆเจ้าภาพ หรือลูกค้าที่ติดต่อเราไปขอเพลงนี้ นอกนั้นก็เป็นเพลงวาไรตี้หลากหลายล่ะ ซึ่งเราก็สากลไทย จีน ได้หมด แล้วก็มา 15 ปี ให้หลังเราก็มาเจอคุณกอล์ฟ เบญจพล เขามีค่าย แล้วก็ชวนเรามาทำอัลบั้มรวมกับศิลปินหลายๆคน เราก็มีเพลง ความลับ ซึ่งดังมากอีกเพลงของเรา ที่ออกตอนนั้น 2549 ตอนนี้ 63 ทั้งหมด 14 ปี ปีหน้า 2564 จะมีเพลงออกมาใหม่ ชื่อเพลงว่า จุดเดิม เพลงนี้ออกเราออกคนเดียวค่ะ จริงๆแล้วเราจะเข้าห้องอัดเมื่อต้นเดือน ที่ผ่านมา แต่เดี๋ยวได้เข้าห้องอัดเพลงเร็วๆนี้ล่ะค่ะ ฝากด้วยนะคะ