"หมอพรทิพย์"จัดหนักถามหาความละอาย"คดีบอส"

2020-07-28 10:30:11

"หมอพรทิพย์"จัดหนักถามหาความละอาย"คดีบอส"

Advertisement

"หมอพรทิพย์" ถามหาความละอายปมสำนวนอ่อนจนอัยการสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Porntip Rojanasunan" ถึงกรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องทายาทเครื่องดื่มชูกำลังยี้ห้อดังขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ว่า ไม่ปฏิรูปคงไม่ได้แล้ว มีหลักฐานชัดเจนในคดีแต่ผู้ที่ทำสำนวนที่ทำให้เกิดความอ่อนจนท้ายสุดสั่งไม่ฟ้อง ทั้งผู้บริหารของอัยการทั้งตำรวจต่างไม่มองที่ความจริง ความยุติธรรม แต่มองที่ข้อกฎหมายจึงปัดความรับผิดชอบกันให้วุ่นวาย ทุกคดีที่ล้มเหลวต้องมีคำตอบไม่ใช่โทษกันไปโทษกันมา และไม่ยอมให้คนนอกตรวจสอบ นายกปรับครมแล้วเห็นทีจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเฉยๆไม่ได้เพราะท่านสัญญาต่อสภาว่าจะปฏิรูปตำรวจ ความล้มเหลวของคดีนี้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ต้องคลี่ให้เห็นปัญหาทุกจุด ทุกขั้นตอน

ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ ระบุอีกว่า ยามนี้กรรมาธิการยุติธรรมของ ส.ส.กำลังขับเคลื่อน มีการตอบสนองต่อปัญหาเร็วมาก ต่างจากกรรมาธิการยุติธรรมของ ส.ว.ที่นิ่งเฉยทั้งที่มีหน้าที่ต้องปฏิรูป อย่าปล่อยให้เรื่องเงียบหาย คดีน้องชมพู่ ก็คือปัญหาในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน อ่านข่าวว่า อัยการส่งหนังสือแจ้งตำรวจว่าสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจจึงออกหนังสือว่าจะถอนหมายจับ ทั้งที่แก่นของปัญหา คือ ความล้มเหลวที่ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบ ที่สำคัญคือสื่อต่างประเทศเป็นคนนำข้อมูลมาเปิดเผย ไม่ใช่สื่อไทย ไม่รู้สึกอายกันบ้างหรือ เรื่องนี้ไม่มีทางจบง่ายๆ แน่นอน




ต่อมา แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ระบุอีกว่า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกว่า ในที่สุดสถานการณ์ก็เดินเข้าสู่เส้นทางกรรม แผนปฏิรูปประเทศถูกกำหนดกรอบไว้ว่าต้องสร้างระบบรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ เจ้าหน้าที่ต้องมีความรู้ มีอำนาจในการเก็บหลักฐาน ส่งตรวจ ทำรายงาน ไม่ใช่ปล่อยให้ใช้ดุลพินิจเลือกเก็บ เลือกตรวจ เลือกทำสำนวนโดยพนักงานสอบสวน พยานหลักฐานจะเข้าสู่สำนวนทั้งหมด อัยการและศาลจะได้เห็นในสำนวน ผู้ตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ต้องมีระบบประกันคุณภาพ มีความรู้มีความสามารถมีคุณธรรม ความเร็วรถจะแตกต่างกันขนาดนี้ไม่ได้ การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไม่ได้เลยเพราะไม่มีเจ้าภาพและยังมีหน่วยต่อต้าน แต่กรณีนี้มีประเด็นเรื่องการสั่งของอัยการ และผู้บังคับบัญชาตำรวจที่ทำไมจึงดูเหมือนเป็นการตัดสินใจโดยลำพัง

ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ ระบุอีกว่า ที่หนักสุดเห็นจะเป็นกรรมาธิการทางการเมืองทั้งระดับสสและสวที่ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ รายชื่อที่ปรากฎสะท้อนระบบพรรคพวก ไม่ได้เน้นที่ความยุติธรรม ที่สำคัญทนายความในคดีทำไมจึงมีชื่อเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการชุดนี้และตัวเองยังยื่นเรื่องขอความเป็นธรรม อีกเรื่องที่พยายามผลักดันทุกทางคือสิทธิที่จะรับรู้ของเหยื่อ ระบบของไทยมักปกปิด อ้างว่าเป็นความลับในสำนวน จนทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ คราวนี้สื่อนอกเป็นผู้เสนอข้อมูลให้สังคมได้รู้จนร้อนเป็นไฟไปทั่ว เรื่องนี้เห็นทีจะเงียบหายง่ายๆ ไม่ได้แน่นอน