สลด! ช่างบูรณะประตูวัดเชียงใหม่ ทาสีทับภาพวาดโบราณสมัย ร.6

2020-07-27 19:00:25

สลด! ช่างบูรณะประตูวัดเชียงใหม่ ทาสีทับภาพวาดโบราณสมัย ร.6

Advertisement

ชาวเชียงใหม่ สลดประตูวัดสมัย ร.6 อายุใกล้เคียงกับเมืองเชียงใหม่ ช่างบูรณะวัดทาสีทับภาพวาดโบราณอายุ 104 ปี ด้านกรมศิลป์ เตรียมเข้าตรวจสอบและเร่งแก้ไข

วันที่ 27 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนแห่แชร์เฟซบุ๊กของผู้ใช้ที่ชื่อว่า "คำโขก คำปรุง" โดยมีข้อความระบุพร้อมกับภาพวาดประตูวิหารวัดหมื่นล้าน ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ว่า เมื่อวันก่อนเข้าไปเยี่ยมชมการบูรณะพระวิหารวัดหมื่นล้าน ประตูท่าแพชั้นในเมืองเชียงใหม่ บานประตูบานนี้เป็นบานประตูที่ทำด้วยเทคนิคการทำลายรดน้ำ (เป็นหนึ่งในไม่กี่บานที่มีขนาดใหญ่และเป็นบานของวิหารหลักของวัดในเชียงใหม่ที่ยังเหลือ) ตรงที่ประตูมีการจารึกเป็นตัวธรรมล้านนาว่า “พระพุทธศักราช ๒๔๖๐ แล จุลศักราช ๑๒๗๙ เดือน ๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ วัน ๔ ได้สลางหน้ามุกวิหารหนังนี้ นิพพานปจฺจโยโหตุโนนิจจํ” จากจารึกแล้วบานนี้ได้เขียนสร้างถวายพร้อมมุกหน้าพระวิหาร(ต่อเติมจากหลังเดิม)ในสมัยรัชกาลที่๖เป็นบานประตูที่มีอายุไล่เลี่ยกันมาตลอดกับวันในเชียงใหม่หลายๆ ที่ แต่ในปัจจุบันเนื้องานโบราณได้รับการบูรณะโดยการทำพื้นงานใหม่ทับลงไปบนงานโบราณโดยได้รับข้อมูลมาว่าได้คัดลอกลายและจะเขียนขึ้นใหม่ในแบบฉบับเดิม บทเรียนครั้งนี้ เราทุกท่านขออย่ามองข้ามเพราะต่อไปอาจมีแบบนี้เกิดขึ้นอีกที่ไหนก็ได้ขอท่านทั้งหลายมองเป็นบทเรียน “การปล่อยให้สิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นโดยไม่ทำอะไรเลยเท่ากับการสนับสนุนสิ่งนั้น” จะเสียดายก็แต่ว่างานโบราณนั้นไม่ได้ถูกการรักษาเนื้องานชั้นครูและเรื่องราวผ่านกาลเวลาเอาไว้ ประตูบานนี้คงอยู่ในมโนสำนึกสืบไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัด เพื่อสอบถามข้อมูลในเรื่องดังกล่าว โดยพบว่า วิหารของวัดที่ถูกพูดถึงนี้อยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซม และพบว่าอีกหลายจุดของอาคารที่ตั้งอยู่ภายในวัด ก็เริ่มที่จะทรุดโทรม โดยประตูวัดที่ถูกบูรณะ ได้มีการทาสีใหม่ เป็นสีดำเข้ม และไม่พบภาพวาดโบราณที่ประตูวัด และมีกระดาษทำเป็นป้ายเขียนวางไว้ที่ด้านหน้าประตูว่า "กรุณาอย่าจับ สีประตูยังไม่แห้ง" นอกเหนือจากประตูทางเข้าวิหารแล้ว ยังพบว่า มีการทำหลังคาใหม่ และบานหน้าต่างใหม่รอบพระวิหารที่ทาสีแดงทับของเดิมด้วย ขณะที่เดินดูรอบๆ วัด เพื่อจะสอบถามทางวัดแต่ไม่พบท่านเจ้าอาวาสแต่อย่างใด




ด้าน นายเทิดศักดิ์ เย็นจุระ ผอ.กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า วัดหมื่นล้าน ที่เกิดเป็นกระแสดังกล่าว ตนได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว และได้ติดต่อไปทางวัด โดยขอให้ทางวัดหยุดการบูรณะไว้ก่อน และได้ทราบว่า การบูรณะวัดแห่งนี้เนื่องจากความเสื่อมโทรม และหลายจุดของวัดเกิดการชำรุดตามกาลเวลา ซึ่งต้องเห็นใจทางวัดด้วย เพราะมีคณะศรัทธามาเห็นและได้บริจาคเงินให้วัดบูรณะ ทางวัดก็ปฏิเสธคณะศรัทธาเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน เมื่อรวมกับเรื่องที่วัดทรุดโทรม จึงต้องเร่งบูรณะขึ้น ก็มีการทำหลังคา การต่อเติม และการทาสีใหม่

สำหรับประตูของวัดที่ถูกพูดถึงนั้น ทราบจากทางวัดว่าไม่ได้ขูดของเดิมทิ้ง และได้มีการลอกลายเดิมทิ้งไว้ หลังจากบูรณะเสร็จก็จะทำการวาดลายเดิมให้เหมือนของใหม่ ส่วนการทาสีที่ประตู ก็เป็นการทาสีทับลงไปทั้งหมด 3 ชั้น โดยชั้นแรกทาสีขาว ชั้นที่สองเป็นชาตสีแดง และชั้นที่สาม ลงรักสีดำ เมื่อทราบว่าไม่ได้ทำการขูดของเดิมทิ้ง ก็มีโอกาสที่จะทำการรื้อสีใหม่ออกและให้กลับเป็นแบบเดิมได้ แต่ทั้งนี้ในวันพุธที่ 29 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 09.30 น. ทางกรมศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ จะเดินทางเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งว่า สีที่ทาทับไว้เป็นสีชนิดไหน เมื่อสอบถามว่า สามารถดึงภาพเดิมประตูเดิมกลับมาได้หรือไม่ ก็สามารถนำกลับมาได้แต่จะเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ต้องดูสีใหม่ที่ทาทับลงไปก่อน ทั้งนี้คงต้องปรึกษากับทางกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ของกรมศิลป์ ให้เข้ามาช่วยดูแลในเรื่องนี้ เพราะต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยเหลือ



นายเทิดศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า วัดหมื่นล้าน ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางกรมศิลป์ แต่ก็ถือว่ามีความผิดตาม มาตรา 10 ใน พ.ร.บ.ของกรมศิลปากร แม้ว่าจะขึ้นทะเบียนหรือไม่ขึ้นทะเบียนก็ตาม แต่หากเป็นโบราณสถานที่เข้าข่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอายุ ศิลปกรรม รูปแบบสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ หรืออื่นๆ หากเข้าองค์ประกอบก็ถือว่าเป็นโบราณสถาน เมื่อจะทำการบูรณะซ่อมแซม จะต้องขออนุญาตและได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมศิลปากรเสียก่อน ซึ่งอัตราโทษของโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนและไม่ขึ้นทะเบียนก็จะแตกต่างกันไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูเจตนาในการกระทำด้วย เพราะเบื้องต้นทราบว่า มีเจตนาดี แต่การจะทำผิดวิธี ผิดลำดับขั้นตอน

อยากจะฝากไปถึงวัดต่างๆ ที่มีโบราณสถานและยังไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียน รวมถึงวัดที่ขึ้นทะเบียนแล้ว หากจะมีการซ่อมแซม ต่อเติมส่วนใดที่เป็นประวัติศาสตร์ เป็นโบราณสถาน ขอให้ปรึกษามาทางกรมศิลปากรก่อน เพื่อที่จะได้เข้าไปตรวจสอบ และแนะแนวทางการบูรณะซ่อมแซมที่ถูกต้องให้ เพราะในพื้นที่ภาคเหนือยังคงมีอีกมากที่ไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียน และบางแห่งบูรณะไปจนทำให้โบราณสถานเก่าแก่ดั้งเดิมที่เคยมีลดน้อยลง กลายเป็นของใหม่ หรือเหลือของเก่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งทางกรมศิลปากรไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น