อัยการ-ผบ.ตร.เละ #คุกไว้ขังคนจน

2020-07-26 11:30:49

อัยการ-ผบ.ตร.เละ     #คุกไว้ขังคนจน

Advertisement


ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี จึงจะเทียบเท่ากับความรู้สึกของมหาประชาชนที่มีต่อข่าว "สุดห่วย" อย่าง อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง "บอส-วรยุทธ" ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดง

เพราะความเห็น เสียงวิจารณ์ เสียงตำหนิ กระทั่งถึงก่นด่า และฝากคำถามถึงอัยการและ ผบ.ตร. เต็มไปด้วยความคับข้องใจอย่างถึงที่สุด และมากกว่าความหมาย #คุกไว้ขังคนจน ไม่รู้กี่พันกี่แสนเท่า



นี่หากเป็นนายควายนายหมาประชาชนเต็มขั้น หาเช้ากินค่ำ คงถูกจับกุมตัวส่งฟ้องศาลเข้าไปนอนแอ้งแม้งในคุกนานแล้ว

แต่พอเป็นทายาทมหาเศรษฐี มีกำลังทรัพย์มโหฬารกลับกลายเป็นบุคคลวีไอพี มีแต่คนรุมช่วยตั้งแต่แรก แม้แต่นายตำรวจยังขยันเดินเข้าเดินออกบ้านหลังใหญ่แนะโน่นเสนอนี่เพื่อให้รอดพ้นผิด แทนที่จะปกป้องทวงความยุติธรรมให้กับนายดาบวิเชียร ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาแท้ๆ ที่ตกเป็นเหยื่อรถซิ่งด้วยความเร็วถึง 177 กม.ต่อชั่วโมง และโดนรถลากร่างไปไกลร่วมร้อยเมตร



มิหนำซ้ำในสำนวนคดี ดต.วิเชียร ที่ตายไปแล้วยังตกเป็นผู้ต้องหาร่วม โดยคนทั่วไปไม่เคยรับรู้รับทราบมาก่อน

นี่หากเรื่องผีเรื่องเร้นลับมีจริง ไม่รู้วิญญาณนายดาบวืเชียรจะชอกช้ำแค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะ "แทนที่จะช่วยกู มึงกลับไปช่วยไอ้บอส"

อิ่มหมีพีมัน พุงปลิ้นไปตามๆกัน

คดีนี้ เมื่อมีความพยายามบิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้น จากนั้นมาจึงมีแต่ปัญหาที่ไม่สามารถอธิบายให้ผู้คนเข้าใจได้เพราะยิ่งต่อยอดให้เกิดเงื่อนงำยิ่งๆ ขึ้น การเปิดประเด็นความคืบหน้าเรื่องนี้ จึงมีแต่การนำเสนอของสื่อต่างประเทศเป็นหลัก เมื่อครั้งนักข่าวเอพีไปดักรอเอาไมค์จ่อถามคดีนี้หน้าที่พักของบอสที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ตำรวจไทย และปาหี่ประสานตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล กลับอ้างตลอดว่าไม่รู้ที่อยู่ที่แน่นอน



ครั้งนั้น ตำรวจกับอัยการ ก็โยนกลองใส่กันมารอบหนึ่งแล้ว เรื่องความล่าช้าไม่คืบหน้า แข่งกันดอง สุดท้าย อ้างยังไม่สามารถหาคนแปลสำนวนคดีเป็นภาษาอังกฤษได้ ชวนสมเพชน่าอเนจอนาถดีแท้

กว่าตำรวจจะกระมิดกระเมี้ยนเขียนสำนวนคดีเสร็จส่งให้อัยการได้ก็ปี 2559 ทำให้หลายข้อหาหมดอายุความ รวมทั้งข้อหาเมาแล้วขับที่ถูกเสกให้เปลี่ยนเป็น"ชนแล้วค่อยเมา" ทางฝ่ายอัยการก็ใจกว้างเป็น มหาสมุทรยอมให้ผู้ต้องหาเลื่อนเข้าพบถึง 7-8 ครั้ง

ระหว่างนั้น ก็ให้ทนายเดินสายยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังหลายๆหน่วยงาน รวมทั้งเพิ่มรายชื่อพยานปริศนาอีก 2 ปากที่อ้างเป็นตุเป็นตะ ที่น่าปวดกระดองใจ คือปล่อยให้บอส-วรยุทธ์ เผ่นแน่บไปสิงคโปร์ ก่อนหมายจับออกแค่ 2-3 วันราวกับนกรู้



ขณะที่ผบ.ตร.ซึ่งภาพพจน์ในสายตาประชาชนทั่วไปดีมาตลอด 5 ปีที่อยู่บนตำแหน่ง กลับไม่ยอมมีความเห็นแย้งกับอัยการในคำสั่งเด็ดขาดสั่งไม่ฟ้อง

ทั้งที่รู้ดีว่านี่เป็นคดีสำคัญที่ผู้คนไม่เฉพาะแค่คนไทย ต่างให้ความสนใจ แม้แต่สื่อยักษ์ใหญ่ต่างประเทศก็ติดตามเรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อให้สำนวนคดีนี้ส่งขึ้นไปถึงมืออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาความเห็นเป็นคนสุดท้าย ไม่ใช่ทำเสมือนมุบมิบงุบงิบเหมือนกรณีไม่อุทธรณ์คดีฟอกเงินกรุงไทยของโอ๊ค-พานทองแท้ ซึ่งก็ไปไม่ถึงอัยการสูงสุดเช่นกัน

ฉะนั้น การออกโรงแถลงข่าวของทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ไม่มีคำอธิบายเรื่องเหตุผลใดๆเลยทั้งจากผบ.ตร.และอัยการ นอกจากคนทั่วไปจะไม่เชื่อถือยอมรับแล้ว ยังก่อให้เกิดความรำคาญหมั่นไส้และเหม็นขี้ฟันอีกต่างหาก

ไม่ต่างกันนักกับคำแจกแจงของประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการสูงสุด ที่อ้างว่าอสส.(อัยการสูงสุด)ยังไม่ทราบเรื่องคำสั่งเด็ดขาดสั่งไม่ฟ้องบอส-วรยุทธ และสั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้



เพราะเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รองโฆษกคนนี้ยังตอกย้ำความคืบหน้าคดี ยืนยันอัยการสำนักงานคดีอาญาศาลกรุงเทพใต้ สั่งฟ้องบอส-วรยุทธ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามกฎหมายอาญามาตรา 129 และมีอายุความเหลืออีกถึง 7 ปี สำหรับการติดตามตัวผู้ต้องหาเพื่อส่งฟ้องศาล

คดีนี้ จึงไม่มีอะไรที่ทุกภาคส่วนจะให้ความสนใจและตั้งความหวังจะได้เห็นในเร็ววันนี้ นอกเหนือไปจากการออกมาเปิดเผยทั้งเหตุผลสั่งไม่ฟ้องของอัยการ และสาเหตุที่ไม่มีความเห็นแย้งกลับอัยการของผบ.ตร.

จะให้ดี เอาเอกสารเหตุผลต้นฉบับตัวจริงเสียงจริงที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง มาเปิดเผยประกอบด้วย อย่าซ่อนเร้นอำพราง

เพราะคดีนี้ แม้อาจจบเพราะคำสั่งใครบางคน แต่ผู้คนส่วนใหญ่และสังคมจะยังไม่จบแน่นอน

เตรียมรอรับการโดนถล่มได้เลยครับ ในเมื่อ #คุกมีไว้ขังคนจน จริงๆ