"ธนาธร"ซัดปรับ ครม.ไร้ประโยชน์ถ้าไม่เปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

2020-07-25 06:00:10

"ธนาธร"ซัดปรับ ครม.ไร้ประโยชน์ถ้าไม่เปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

Advertisement

"ธนาธร" วิเคราะห์ปรับ ครม. เปลี่ยนคนทำงานไม่มีประโยชน์ถ้าไม่เปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สุดท้ายได้แค่เกลี่ยผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ชวนเปิดใจรับฟังนักศึกษาแสดงออก

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดจาก จ.พิษณุโลก จัดรายการ “ก้าวหน้า Talk : คุณถาม เราตอบ” เป็นตอนที่สอง  โดยมีการส่งคำถามเข้ามาขอให้นายธนาธรวิเคราะห์การปรับ ครม. ว่าจะสามารถนำพาบ้านเมืองไปต่อได้อย่างไร ซึ่งนายธนาธรได้วิเคราะห์ ว่าปัจจัยการปรับ ครม.ที่เกิดขึ้นมีเหตุมาจากปัจจัย อันประกอบไปด้วย หนึ่ง ความล้มเหลวในการจัดการเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศที่พังทลายลง GDP ปีนี้มีแนวโน้มที่จะลดอย่างรุนแรง อาจจะถึง 10% พี่น้องประชาชนที่หาเช้ากินค่ำรู้ดีที่สุดว่ามีปัญหาอย่างไร เป็นส่วนให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องปรับทีมเศรษฐกิจ

“ปัญหาคือเราต้องเข้าใจ ว่าเปลี่ยนคนทำงานกี่คนก็เหมือนเดิม ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ซึ่งก็คือตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอยู่เหมือนเดิม และที่สำคัญเป้าหมายที่สำคัญที่ที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่เรื่องการทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี แต่คือการสืบทอดอำนาจอยู่ให้นานที่สุด ดังนั้นการปรับ ครม. ไม่อาจแก้ไขปัญหาของประเทศได้ เพียงแต่แก้ไขความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวต่อว่า สอง ความล้มเหลวของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีเป้าประสงค์ที่จะทำให้ฝ่ายบริหารและพรรคการเมืองอ่อนแอ ไม่มีพรรคไหนที่มีเสียงข้างมากในสภา ประชาชนอ่อนแอ อย่างที่ผลเกิดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ ที่พรรคเล็กพรรคน้อยเกิดขึ้นเต็มไปหมด เสียงแตก ขาดประสิทธิภาพในการบริหารงาน ดังนั้น ความล้มเหลวของรัฐบาลในด้านหนึ่ง จึงเป็นความล้มเหลวของรัฐธรรมนูญด้วย

จากนั้น ได้มีผู้ส่งคำถามเข้ามาขอความเห็นนายธนาธรกรณีผู้บัญชาการทหารบกออกมามีท่าทีต่อกรณีการชุมนุมของนักศึกษา ซึ่งนายธนาธรระบุว่าในประเทศที่มีประชาธิปไตยเข้มแข็ง ผู้นำกองทัพไม่มีอำนาจออกมาให้ความคิดเห็นทางการเมืองเช่นนี้ แต่เพราะปัจจุบันกองทัพไม่ได้อยู่ภายใต้รัฐบาล กองทัพไม่มีความยึดโยงกับประชาชน เราจะเห็นได้ตลอดว่าผู้นำกองทัพคนปัจจุบันแถลงข่าวแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง และที่สำคัญ เราจะเห็นได้ชัดถึงกรณีการเลือกปฏิบัติต่อประชาชนอย่างชัดเจน ระหว่างการตอบรับนักศึษา-ประชาชนที่มารวมตัวหน้ากองทัพบกเพื่อถามถึงท่าทีดูถูกดูแคลนที่ออกมาจากอดีตรองโฆษกกองทัพบก ที่มีการปิดประตูใส่ แต่ขณะเดียวกันอีกฝั่ง ซึ่งนำโดยนายสาธิต เซกัล ขอเข้าพบ ผบ.ทบ. กลับมีการเปิดบ้านต้อนรับเป็นอย่างดี บทบาทของกองทัพที่ดีที่เหมาะสมในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย คือกองทัพออกมาให้ความเห็นทางการเมืองไม่ได้ นี่เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ไม่ใช่เรื่องของกองทัพ ภารกิจของกองทัพ ง่ายๆสั้นๆ ตรงไปตรงมา คือสร้างกองทัพที่มีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง พร้อมที่จะปกป้องประเทศหากมีการรุกราน เท่านี้เอง การบริหารประเทศเป็นเรื่องของฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของกองทัพ

จากนั้น ได้มีการส่งคำถามเข้ามาถึงกรณีการชุมนุมของนักศึกษา ที่มีกรณีที่อาจตีความได้ว่าหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดสถาบันกษัตริย์ ว่านายธนาธรมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งนายธนาธร กล่าวว่า สิ่งที่นักศึกษาปราศรัยคือปัญหาที่คนรุ่นเราไม่กล้าพูดถึง นี่คือจุดสำคัญของสังคมไทย นักศึกษาได้ตั้งคำถามกับระบบระเบียบที่อยู่ในสังคมไทย แต่คนรุ่นเรามีวุฒิภาวะพอหรือไม่ที่จะเผชิญหน้ากับคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมา เวลาเราพูดเรื่องนี้เราไม่ได้พูดด้วยความมาดร้ายพยาบาท แต่เราพูดด้วยความหวังดี ว่ามีปัญหาที่นักศึกษา-คนรุ่นใหม่ได้พูดขึ้นมาแล้ว เรากล้ายอมรับมัน เรากล้าเผชิญกับความจริงหรือไม่ เรามีทางเลือกที่จะเอาเรื่องนี้ซุกไว้ใต้พรม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาพูดไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แล้วปล่อยปัญหานี้ให้คนรุ่นเขาจัดการเอง หรือเมื่อรับฟังไม่ได้-ใจไม่กว้างพอที่จะเปิดรับความคิดเห็นเหล่านี้ ก็จับพวกเขาเข้าคุกหรือไล่ให้ไปอยู่ต่างประเทศ กำหราบปราบปรามพวกเขา แต่อย่าลืมว่านี่คืออนาคตของประเทศ และเราไม่ได้พูดถึงคนหลักสิบหลักร้อย แต่เรากำลังพูดถึงคนเป็นหลักหมื่นหลักแสน ข้อเสนอที่เรียบง่ายก็คือการยอมรับการดำรงอยู่ของปัญหาอย่างตรงไปตรงมา การจะหาทางออกด้วยกันได้เริ่มจากการยอมรับว่ามีปัญหาอยู่จริง ถ้าไม่ยอมรับกันตรงนี้แล้วไม่มีทางหาทางออกร่วมกันได้

นายธนาธรยังกล่าวถึงกรณีการชุมนุมของนักศึกษาต่ออีก ว่านักศึกษาเหล่านี้เขาออกมาต่อสู้แทนคนที่ออกมาไม่ได้ เพราะหลายคนเป็นเสาหลักของครอบครัว หลายคนที่อยากจะออกมาจำเป็นต้องดูแลพ่อแม่ เนื่องด้วยสถานะต่างๆและสภาพเศรษฐกิจจึงออกมาไม่ได้ สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือทำให้ทุกคนหวาดกลัว ไปเยี่ยมตามบ้าน ข่มขู่ผู้ปกครอง ถ้าเราไม่ออกมาปกป้องพวกเขา ในที่สุดเขาท้อถอยและยุติการต่อสู้เพราะความหวาดกลัว ความเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เกิด นี่คือช่วงเวลาแห่งความหวัง เราทุกคนต้องช่วยกันปกป้องพวกเขา