รัฐบาลจีนกำลังพิจารณา สั่งปิดสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ในเมืองเฉิงตู เพื่อตอบโต้กรณีที่รัฐบาลสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีน ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส
รายงานของหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ของฮ่องกง ระบุว่า ทางการปักกิ่ง"กำลังพิจารณา สั่งปิดสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ทางภาคกลางตอนล่างของจีน ซึ่งเป็นสถานกงสุลสหรัฐ 1 ใน 5 แห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ นอกเหนือจากที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองกว่างโจว เมืองเสิ่นหยาง และเมืองอู่ฮั่น และนอกจากนี้สหรัฐยังมีสถานกงสุลใหญ่ ประจำเขตบริหารพิเศษของจีนทั้ง 2 แห่ง คือฮ่องกงและมาเก๊า และสถานเอกอัครราชทูตในเมืองหลวงกรุงปักกิ่ง
ความเคลื่อนไหวของปักกิ่ง มีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร (21 ก.ค.) รัฐบาลสหรัฐสั่งจีนปิดสถานกงสุลใหญ่ ในเมืองฮิวสตัน ภายในเวลา 72 ชั่วโมง โดยให้เหตุผลจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และข้อมูลส่วนบุคคล ของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ในสหรัฐและยุโรป
สถานกงสุลสหรัฐประจำเมืองเฉิงตู เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 ภารกิจครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนกลางและภาคตะวันตจกเฉียงใต้ของจีน รวมถึงมณฑลเสฉวน มณฑลยูนนาน มณฑลกุ้ยโจว รวมทั้งเทศบาลนครฉงชิ่ง และเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งมีสถานะเทียบเท่ามณฑล
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนจับตามองสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเฉิงตูมากขึ้น หลังจากการนายหวัง ลี่จุน อดีตผู้บัญชาการตำรวจและรองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครฉงชิ่ง หลบเข้าไปอยู่ในสถานกงสุลแห่งนี้นานเกือบ 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2555 หลังจากถูกทางการปักกิ่งสั่งปลดกะทันหัน พร้อมกับนายป๋อ ซีไหล ซึ่งถูกขับออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเทศบาลนครฉงชิ่ง ด้วยข้อกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งต่อมาศาลประชาชนชั้นต้นจีนมีคำพิพากษา ในปี พ.ศ. 2556 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต นายป๋อ จากความผิดฐานทุจริตร้ายแรง ส่วนนายหวังให้จำคุก 15 ปี จากความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และฉ้อโกง ซึ่งทั้งสองคนยอมรับโทษตามคำพิพากษา โดยไม่ขอยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ.