"บิ๊กป้อม" ประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน เร่งแก้ปัญหาป่าเสื่อมโทรม บุกรุกป่า
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองรองนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน(คนช.)ที่ประชุม ได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาป่าเสื่อมโทรม และการบุกรุกป่า จากการที่เคยมีชาวบ้าน ได้ทำการบุกรุกแผ้วถาง ตัดไม้ทำลายป่า เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ป่าไม้ให้เป็นพื้นที่ เพื่อการเกษตรกรรม หรือไร่เลื่อนลอยในอดีต ทำให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ อย่างถาวรเป็นพื้นที่บริเวณกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรอื่นๆเช่นทำให้ขาดแคลนน้ำ ทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตการเกษตรไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ส่งผลให้คุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ตกต่ำ มีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชุมชนจากการบุกรุกป่า และสังคมเกิดปัญหาตามมา ดังนั้นกรมป่าไม้จึงต้องมียุทธศาสตร์ในการส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นได้เข้ามาร่วมแก้ปัญหาในรูปแบบของการมีส่วนร่วม เพื่อการดูแลรักษา และฟื้นฟูสภาพป่า โดยให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้ ประชาชนสามารถบริหารจัดการป่า ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ ได้อย่างเหมาะสม ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการประชุมวันนี้ ได้มีการเห็นชอบรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป่าชุมชน ประจำจังหวัดเป้าหมาย จำนวน 68 จังหวัด 11,327 ป่าชุมชน เนื้อที่ 6.29 ล้านไร่ เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ให้เป็นเขตป่าอนุรักษ์ พ.ศ.... และร่างกฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า พ.ศ.... รวมทั้งเห็นชอบร่างระเบียบ คนช. จํานวน 7 ฉบับ ซึ่งเมื่ออนุบัญญัติ เหล่านี้ได้ประกาศแล้วจะทำให้ชุมชนสามารถจัดตั้ง ป่าชุมชน และจะได้รับประโยชน์จากป่าชุมชน ตามที่กฎหมายกำหนดได้ต่อไป
พล.อ.ประวิตร ได้กำชับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ขับเคลื่อนโครงการป่าชุมชน เร่งดำเนินการตามมติที่เห็นชอบแล้วโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถ จัดตั้งป่าชุมชนและได้รับประโยชน์จากป่าชุมชน อย่างถูกต้อง รองรับการ ดำรงชีพของประชาชนในชุมชน และเศรษฐกิจที่จะดีขึ้น หลังวิกฤตโควิด-19 ต่อไป
พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ กรมป่าไม้ ให้เร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับจังหวัดเป้าหมาย พร้อมเจ้าหน้าที่ รวมทั้งพี่น้องประชาชนในชุมชน จะได้ทราบเจตนารมณ์ของกฎหมาย และนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือ ปชช.ในพื้นที่ให้ได้รับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และร่วมกันพัฒนาประเทศ จากโครงการนี้ ไปด้วยกัน