มีใครจะเข้าใจความรู้สึกในยามนี้ของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำกลุ่มสองมิตร หรือไม่
เช่นเดียวกับสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรียุติธรรม รองหัวหน้า พปชร. อีกคน และแกนนำกลุ่มสองมิตรอีกคน ที่อยู่ในสภาพหงอยเหงาเศร้าซึม
ทั้งที่ตกลงปลงใจร่วมปลุกปั้นจน พปชร. ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.มากเป็นอันดับ 2 ก่อนเข้าป้ายเป็นพรรคหลักจัดตั้งรัฐบาล ส่ง "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯจากกติกาการเลือกตั้ง ใน รธน.ปี 2560 ได้สำเร็จ
ฟอร์ม ครม. ตั้งรัฐบาล "บิ๊กตู่" 2/1 ก็ฟาดแห้วมาแล้วรอบหนึ่ง สุริยะ เล็งเก้าอี้พลังงาน สมศักดิ์เล็งเก้าอี้เกษตร แต่ในที่สุดก็พลาดเป้า ไม่เพียงเท่านั้น อนุชา นาคาศัย เพื่อนเลิฟในกลุ่มอีกคน ก็ได้กินแห้วด้วยอีกคน หลุดทุกตำแหน่งใน ครม. เมื่อต้องเสียสละให้กลุ่มอื่น พรรคอื่น
คราวนี้เอาใหม่ อุตส่าห์กล้ำกลืนฝืนทน ยอมแผ้วถางทางสะดวกเขี่ย 4 กุมารออกไป "อุ้ม" บิ๊กป้อมไปนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเสริมต่อบารมีได้สำเร็จ ท่ามกลางก้อนอิฐที่โดนรุมขว้างเข้าใส่ หมายมั่นปั้นมือคราวนี้คงตะกายฝันได้สำเร็จ
แต่สุดท้ายก็ต้องสวาปาม "แห้ว" อีกคำรบ เก้าอี้รัฐมนตรีที่ลงทุนไล่คนนั่งคนเดิมแบบไล่เช้าไล่เย็นทุกวัน กลับกลายไปเป็นของคนนอกหน้าตาเฉย ด้วยเหตุผลคำอธิบาย เพื่อเปิดทางให้มือบริหารอาชีพ
ปัดโธ่! ไม่รู้หรืออย่างไรว่า พวกข้าก็มืออาชีพเหมือนกัน บริหารมาแล้วไม่รู้กี่กระทรวง ไม่เชื่อลองย้อนกลับไปดูสิ(โว๊ย)!
อย่างนี้ไม่เรียก "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว เจอดอก 2 เข้าไป ตอนนี้ไม่เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเฉยๆ แต่ถึงขั้นต้อง "กลืนเลือด" เป็นลิ่มๆ
สุริยะโดนมือดีขุดคลิปที่เคยไปร่วมรายการพิเศษของ "หมาแก่-แมวสาว" ยืนยันไม่เป็นรัฐมนตรีแม้พลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล แถมตอกย้ำ "พูดแล้วคำพูดจะเป็นนายเรา" ให้โดนก่นทอทั้งโซเชียล
ส่วนสมศักดิ์ ก็พลันมึนตึ๊บ เมื่อจู่ๆมีข่าวสะพัดปรากฏตามหน้าสื่อว่า ปปช.มีความเห็นแจ้งข้อกล่าวหา อนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยาสมศักดิ์ เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติฯ ทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ในโครงการฝายแม้ว งบประมาณปี 2551 จำนวน 770 ล้านบาท เรียกให้เข้าชี้แจงในกรอบเวลาที่กำหนด
อะไรจะเหมาะเจาะเหมาะเหม็งปานนั้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อน จู่ๆกลับมีบทสรุปออกมาทันควันในช่วงจังหวะเวลาที่กลุ่มสองมิตรกำลังยื้อยุดกดดันเต็มที่ ในการเสนอให้สุริยะกระโดดค้ำถ่อจากเก้าอี้รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ไปเก้าอี้รัฐมนตรีพลังงาน ป้องกันและต่อต้านคนนอกอย่างชัดเจนและถึงที่สุด
ทำเอาล่าสุด สมศักดิ์ถึงขั้นเปรยๆอย่างมีนัยว่า พรรคพลังประชารัฐยังมีพลังอยู่หรือไม่ แต่พวกตนได้ทำหน้าที่ของตนครบถ้วนแล้ว ไม่อยากคิดมาก เพราะคิดมากจะทำให้นอนไม่หลับ
นักการเมืองที่ผ่านประสบการณ์โชกโชนอย่างสมศักดิ์มีหรือจะดูไม่ออกว่า มติ ปปช.และข่าวที่ถูกโหมกระพือออกมาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ มีความหมายอย่างไร
ความจริง ไม่เพียงสมศักดิ์เท่านั้น ที่คนใกล้ชิดยังมีเรื่องคดีความค้างคาอยู่ อนุชามีคดีอนุสรณ์-น้องชาย ในฐานะนายก อบจ. เรื่องเงินอุดหนุนจัดกิจกรรมการแข่งขันของสโมสรฟุตบอลชัยนาท ฮอร์นบิล วิรัช มีคดีก่อสร้างสนามฟุตซอลที่โคราช และใครอีกหลายคน เอ่ยชื่อเป็นต้องร้องอ๋อ ทั้งที่เป็น ส.ส. ส.ต.(สอบตก) และร่วมงานใน พปชร.ในฐานะแกนนำกลุ่ม แต่ไม่ได้เป็น ส.ส. หรืออยู่ระหว่างถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็มี
การเมืองช่วง "นิว นอร์มัล" ที่ "บิ๊กตู่" เคยประกาศเสียงดังฟังชัด แต่ในทางปฏิบัติก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังมีเรื่อง "ตัวประกันทางการเมือง" ให้เห็นอยู่เช่นเดิม
ใครก็ได้ช่วยตอบทีครับ เอาไงต่อ?