ตร.สอบเครียดแม่ลูกจ้างสาวโกงเงินหลวง 40 ล้าน ปฏิเสธไม่มีเอี่ยว

2020-07-22 22:20:00

ตร.สอบเครียดแม่ลูกจ้างสาวโกงเงินหลวง 40 ล้าน ปฏิเสธไม่มีเอี่ยว

Advertisement

ตร.สอบเครียดแม่ลูกจ้างสาวโกงงบหลวง 40 ล้าน ยังให้การปฏิเสธ ค้านประกันส่งฝากขังเรือนจำ

จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานวิชาการการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกจับข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสารของทางราชการและใช้เอกสารปลอมยักยอกเงินงบประมาณของทางราชการ 39.2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.63 จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเลคทรอนิคส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และ พบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็ครวม 165 ครั้ง ขณะนี้ถูกควบคุมตัวฝากขังผัดที่ 3 ในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์


ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. หลังจากศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อนุมัติให้ออกหมายจับนางสายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82/21 หมู่ 8 ต.คลองวาฬ อ.เมือง มารดาของ น.ส.ขนิษฐาข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ผู้ใดกระทำประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้ สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น และมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ต่อมา นางสายพิณ พร้อมญาติได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ ร.ต.อ.หญิง สุภาภรณ์ ดวงกัลยา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยนางสายพิณสีหน้าวิตกได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนนำตัวนางสายพิณไปขออำนาจศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝากขังผัดแรก 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะที่ผู้ต้องหาเตรียมโฉนดที่ดิน 2 ไร่ ที่ ต.คลองวาฬ ตีมูลค่าหลักทรัพย์ 3 แสนบาทยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าคดีมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี อีกทั้งเป็นคดีการทุจริตที่มีประชาชนให้ความสนใจ จึงไม่อนุญาตให้ประกันจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ทันที


ด้าน นางสายพิณ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาเพิ่มในคดีนี้ กล่าวว่า ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะตกเป็นผู้ต้องหา แต่ไม่เคยคิดหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านตามที่บางฝ่ายตั้งข้อสังเกต เพราะมีอาชีพเลี้ยงวัว และมีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท และได้รับเงินจากบุตรสาวเดือนละ 2,000 -3,000 บาทที่ให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนสามีเก่าที่เป็นอดีตกำนันตำบลคลองวาฬไม่ได้ยุ่งเกี่ยว เนื่องจากเลิกรากันมานานแล้ว และหลังจากบุตรสาวมีปัญหาถูกดำเนินคดีก็ไม่เคยติดต่อกลับมาเพื่อให้ความช่วยเหลือ และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดของลูกสาวแม้ว่าจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่ลูกสาวไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง และยอมรับว่าในระยะหลังสังเกตลูกสาวมีอาการเครียดก่อนที่จะถูกดำเนินคดี ซึ่งลูกสาวยอมรับว่าเอาเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จริงไม่อย่างนั้นเงินจะหายไปไหนหมด และไม่เคยเอาเงินมาให้แม่นอกจากเงินเดือน ส่วนบัญชีเงินฝากธนาคาร ธ.ก.ส. ที่ใช้โอนเงินจาการทุจริตเป็นบัญชีที่เปิดไว้เพื่อรับเงินผู้สูงอายุรายเดือน และหลังจากลูกสาวถูกจับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดเงินในบัญชีทั้งหมดก่อนหน้านี้หลังลูกสาวติดคุกได้เดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำครั้งเดียว ลูกสาวบ่นคิดถึงลูกสาววัย 3 ขวบ เพิ่งเข้าเรียนในชั้นเด็กเล็กเป็นปีแรก” นางสายพิณ กล่าว

นายนฤพนธ์ แก้วเทศ ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหามาทำการฝากขัง เจ้าหน้าที่จะนำมารดาไปขังแยกจาก น.ส.ขนิษฐาบุตรสาวทันทีตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพราะเป็นจำเลยร่วมในคดีเดียวกัน ขณะที่ น.ส.ขนิษฐาซึ่งถูกคุมขังผัดที่ 3 สามารถปรับตัวเข้ากับผู้ต้องขังรายอื่นได้ตามปกติไม่มีอาการเครียด


พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากศาลจังหวัดประจวบฯอนุมัติให้ออกหมายจับนางสาวสายพิณ มารดาของ น.ส.ขนิษฐา ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 157 หลังจากพบหลักฐานว่าบุตรสาวได้โอนเงิน 33.9 ล้านบาท สั่งจ่ายจากบัญชีภัยแล้ง 23.2 ล้านบาท บัญชีงบแผนพัฒนาจังหวัดปี 63 จำนวน 3.2 ล้านบาท บัญชีเงินฝากคลัง 7.3 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรหรือ ธกส. สาขาประจวบคีรีขันธ์ ชื่อบัญชี นางสายพิณ โดยผ่านระบบการเงินการคลัง GFMIS เพื่อนำไปสร้างข้อมูลหลักฐานเท็จให้มารดาเป็นตัวแทนในระบบหลักผู้ขาย จากนั้นมีการกรอกข้อมูลผ่านแบบขออนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย มีการปลอมลายมือชื่อของผู้มีอำนาจ เพื่อนำไปสร้างข้อมูลหลักผู้ขายและสั่งจ่ายเงินตรงเข้าบัญชีที่กรอกไว้ตามแบบอนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย นอกจากนั้นมีการโอนเงินเข้าบัญชีญาติอีกหลายรายและกระจายเงินผ่านเวปพนันออนไลน์

“การออกหมายจับเพิ่มเติม จะต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากการลงลายมือในเอกสารทางการเงิน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ เนื่องจากเป็นการทุจริตที่มีงบประมาณจำนวนมากและคดีนี้ประชาชนให้ความสนใจ ขณะที่ น.ส.ขนิษฐา หากครบกำหนดฝากขังในผัดที่ 4 พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนและนำตัวผู้ต้องหาไปมอบอำนาจให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม ในการพิจารณาคดีและทำการฝากขัง” พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าว

สำหรับนางประชิด วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการการเงินและบัญชีชำนาญการ หัวหน้าการเงินสำนักงานจังหวัดประจวบฯได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หลังให้ปากคำ พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเป็นข้าราชการระดับสูงและไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ซึ่งนางประชิดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยมีอาการเครียดอย่างชัดเจน ทั้งนี้มีรายงานว่ายังข้าราชการ สำนักงานจังหวัดฯ อีกหลายรายเข้าข่ายถูกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและการพิสูจน์หลักฐานการลงลายมือชื่อจากเอกสารทางการเงิน สำหรับการติดตามเส้นทางการเงินที่ผู้ต้องหาอ้างว่านำไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมด ได้ประสานกับ ปปง. และ ปอท. ใช้กฎหมายพิเศษและความเชี่ยวชาญตรวจสอบทั้งระบบ