"สตช. - อย." จับขายยา อาหาร เครื่องสำอาง ผิดกฎหมาย ย่านประตูน้ำ

2020-07-21 22:30:59

"สตช. - อย." จับขายยา อาหาร เครื่องสำอาง ผิดกฎหมาย ย่านประตูน้ำ

Advertisement

"สตช. - อย." จับขายยา อาหาร เครื่องสำอาง ผิดกฎหมาย ย่านประตูน้ำ ยึดกลางกว่า 2 แสนบาท

เมื่อวันที่ 21 ก.ค.  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดย พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานปราบปรามผลิตภัณฑ์และการบริการด้านสุขภาพที่ผิดกฎหมาย พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. พร้อมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข โดยนพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย.  พร้อมด้วย  ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย.ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบจับกุม แหล่งขายยา อาหาร เครื่องสำอางปลีก - ส่ง ผิดกฎหมาย ย่านประตูน้ำ พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย ทั้ง ยา อาหารและเครื่องสำอางเป็นจำนวนมาก  เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายทั้งหมด 119 รายการ  มูลค่ากว่า 200,000 บาท 


สำหรับประเด็นความผิด มีดังนี้  1. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510  ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  2. พ.ร.บ.สมุนไพร พ.ศ. 2562 ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 3.  พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีการแสดงข้อความภาษาไทยและมีการแสดงฉลากภาษาไทยไม่ครบถ้วน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทและหากผลการตรวจวิเคราะห์พบสารห้ามใช้ซึ่งจัดเป็นเครื่องสำอางไม่ปลอดภัยในการใช้ตามมาตรา28 (4) จะเข้าข่ายการขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  4.  พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ขายอาหารปลอมที่มีการแสดงฉลากเพื่อลวง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 100,000 บาท ขายอาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และหากผลการตรวจวิเคราะห์พบไซบูทรามีน จะมีความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 บาทถึง 2,000,000 บาท ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 อีกด้วย