ลุ้นวิวาห์หวาน “อ๊อฟ ชนะพล” เผยปีหน้าอาจมีงานมงคล หลังคบแฟนสาวนาน 10 ปี

2020-07-21 17:00:44

ลุ้นวิวาห์หวาน “อ๊อฟ ชนะพล” เผยปีหน้าอาจมีงานมงคล หลังคบแฟนสาวนาน 10 ปี

Advertisement

ปีหน้าอาจมีงานมงคล “อ๊อฟ ชนะพล” เตรียมคุยผู้ใหญ่สู่ขอแฟนสาว หลังปลูกต้นรักนาน 10 ปี พร้อมเดินหน้าเรื่องทายาท เพราะฝั่งพ่อแม่อยากอุ้มหลาน

เรียกได้ว่าฟิตหุ่นจนกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์ม แถมหน้าตายังดูหล่อเหลาขึ้นอีกต่างหาก สำหรับนักแสดงหนุ่ม “อ๊อฟ ชนะพล สัตยา” ที่ล่าสุดได้เดินทางมาร่วมงานบวงสรวงละครเรื่อง “เผาขน” ณ บริษัทโคลิเซี่ยม งานนี้พอได้เจอเจ้าตัวเลยสอบถามถึงเรื่องนี้พร้อมอัพเดทเรื่องงานและเรื่องหัวใจได้ความว่า…






“จริงๆ ผอมด้วยการทำงานครับ เพราะผมถ่ายละครบู๊อยู่เหมือนกัน เรื่องทางเสือผ่าน ก็ใกล้จะปิดกล้องแล้ว คิดว่าน่าจะได้ติดตามชมกันเร็วๆ นี้ ก็ต่อเนื่องครับ เพราะเราต้องฟิตหุ่น ฟิตร่างกายเพื่อที่จะมาบู๊ต่อในเรื่องนี้ ก็ได้คุยกับทางผู้กำกับว่าเขาอยากจะให้มีความแปลกใหม่และแหวกแนวออกไปจากที่เขาเคยทำมา ก็ได้มาร่วมงานกันครั้งแรกกับโคลิเซี่ยม ก็ถือว่าเป็นโอกาสดี ซึ่งเราก็ได้ติดตามผลงานของโคลิเซี่ยมมาอยู่แล้ว และเขาคงเล็งเห็นว่าเรามาในทางบู๊อยู่แล้วด้วย ก็อาจจะมาเติมเต็มให้กับละครเรื่องนี้ครับ”

ถามถึงฉากบู๊ยุค new normal ต้องเป็นยังไง ?



“ณ เวลานี้นะครับ จากที่เคยเตะต่อยระยะประชิดก็กลายมาเป็นการบู๊แบบใช้อาวุธปืน ก็จะวิ่งไล่ล่ายิงกันซะส่วนใหญ่ ก็เว้นระยะห่างครับ ส่วนการบู๊แบบเตะต่อยกันก็จะมีบ้าง แต่น้อยลง”

เราผอมลงกี่กิโลฯ ?

“น่าจะจาก 73 เหลือ 67 ครับ ผมว่าการผอมน่ะง่าย คือผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว เล่นกีฬาอยู่แล้ว ซึ่งในช่วงจังหวะที่เราได้พักไป 2 เดือน เรากินเยอะ แล้วไม่ได้ทำงานอะไรเลย พอจะเริ่มทำงานก็มีการเตรียมตัวคือกลับมาวิ่ง ออกกำลังกายเบื้องต้น ซื้อลู่วิ่งมาวิ่งที่บ้าน กำหนดตัวเองว่าต้องทำให้ได้วันละ 5 กิโลฯ ถ้าเราว่าง”







แต่สุขภาพแข็งแรง ไม่ได้ป่วยอะไรใช่ไหม ?

“แข็งแรงสิครับ คือจังหวะเราผอมจะลงเร็วมาก หลายคนที่ถามว่าทำไมเราต้องเล่นขนาดนี้ ผมก็จะตอบเสมอว่าเมื่ออายุมาก มันจะลงยาก แต่ถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนี้ กล้ามเนื้อมันจะอยู่ตัว ก็สามารถคุมน้ำหนักเราได้ครับ”

พอเราผอมแล้วหน้าเปลี่ยนไปเลย ?



“ดีขึ้นมั้ยครับ (ยิ้ม) จริงๆเราเป็นคนที่มีเบบี้แฟตเรื่องรูปหน้าอยู่แล้ว ซึ่งทุกคนจะทักว่าเราดูเด็กตลอดเวลาในเรื่องรูปหน้า แต่จริงๆ แล้วความตั้งใจของผมไม่ได้มองเรื่องจะต้องดูเด็กหรือโตขึ้นแค่ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย ตั้งแต่เริ่มกลับมาถ่ายละครพี่ๆ ในกองถ่ายก็บอกว่าดูดีขึ้น ดูโตขึ้น มีเชพช่วงหน้าดูดีขึ้น เขาเลยอยากให้เราคงตรงนี้ไว้”





แต่เราไม่คิดจะไปพึ่งหมอใช่ไหม ?

“ไม่หรอกครับ เรื่องการดูแลหน้าเนี่ยผมจะเอาเรื่องการออกกำลังกายเป็นหลักก่อน ผมจะบอกตัวเองตลอดว่าเรื่องการพึ่งหมอ เรื่องฉีดโบท็อกซ์ ถามว่าจำเป็นไหมด้วยวัยของเรา ก็จำเป็น แต่ผมจะเลือกเป็นสิ่งสุดท้าย แต่จะเลือกการออกกำลังกายก่อน แต่ถ้าต้องเร่งรัดก็อาจจะต้องพึ่งหมอครับ”



ความรักก็แฮปปี้ ลดหุ่นเพื่อเตรียมถ่ายพรีเวดดิ้งด้วยหรือเปล่า ?

“จริงๆ แล้วเราก็ดูๆ แหละว่าความพร้อมเราไปถึงระดับไหนแล้ว แต่ว่าไม่ใช่เร็วๆ นี้ที่จะมาพรีเวดดิ้งกันหรือว่ามีฤกษ์ยามที่จะต้องเร่งรัดขนาดนั้น จริงๆ ปีนี้ผมคุยกับทางผู้ใหญ่ไว้ว่าเราก็พร้อมนะ ก็อยากจะให้ไปสู่ขอเป็นธรรมเนียมที่ถูกต้องตามประเพณีไทย แต่บังเอิญว่ามาติดช่วงโควิด ทางผู้ใหญ่เขาก็เลยบอกว่าขอขยับไปเป็นปีหน้าแล้วกัน จะดูฤกษ์ยามก็คงเป็นปีหน้าครับ”




ถ้าสู่ขอแล้วได้ฤกษ์ใกล้ๆ จะแต่งเลยไหม ?

“ต้องดูความพร้อมทั้งสองฝ่าย แต่ผมอยากจะให้เป็นช่วงปลายปีมากกว่า ซึ่งมันจะเป็นช่วงปลดล็อกเรื่องงานด้วย ปลดล็อกหลายๆ อย่างในการใช้ชีวิตของเราเรื่องการทำงาน ตอนนี้น้องเขาก็มีความสุขในการทำงานของเขา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่วนตัวหรืองานที่ทำอยู่ประจำตอนนี้ครับ และเขาก็โอเคในการที่จะขยับไปคุยกันจริงๆ ในปีหน้า แต่ก็บอกไปแล้วว่าถ้าปีหน้าไปสู่ขอก็ดูฤกษ์เลยแล้วกัน จะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง เราจะได้ทำตัวถูก แต่รวมๆ แล้วมันคือความพร้อมของตัวผมเองและตัวน้อง ครอบครัวน้องด้วยครับ”





คบกันครบ 10 ปีพอดี ?

“ใช่ น้องก็พูดแบบนั้นเหมือนกันครับว่า 10 ปีแล้ว ก็ไปคุยให้ถูกต้อง ถ้าเกิดฤกษ์ยามหรือผู้ใหญ่เขาโอเคภายในปีหน้า ก็อาจจะเห็นงานมงคลที่ดีครับ”

พร้อมมีทายาทเลยไหม ?

“ถ้าถามผมก็พร้อมครับ แต่ด้วยเรื่องงานมันยังไม่มีเวลาขนาดนั้น เพราะผมก็อยากจะมีและดูแลด้วยตัวเองด้วย แต่คุณพ่อคุณแม่เขาก็อยากเลี้ยงหลานแหละ เพราะอายุเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะบอกว่าเดินตามรอยรุ่นพี่ที่แต่งงานแล้วเขาบอกยังไม่ต้องรีบ แต่เอาจริงๆ พออยากจะมีลูกมันนานมาก เขาก็แนะนำว่าถ้าแต่งแล้วมีโอกาสมีได้ก็มีเลย”




ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม : chanapol_sataya