ทัพเรือภาค 2 จับเรือประมงดัดแปลงลักลอบขนน้ำมันเถื่อนกลางทะเล ยึดน้ำมันดีเซล 20,000 ลิตร อาวุธปืนพร้อมลูกเรือ 3 คนซึ่งถูกจับเป็นครั้งที่ 2
วันที่ 20 ก.ค. ที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา จ.สงขลา พลเรือตรี โสภณ รัชตาภิรักษ์ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 2 และเจ้าหน้าที่ศุลกากรภาค 4 สรรพสามิตภาคที่4 กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมประมง ร่วมกันแถลง ผลการจับกุมเรือประมงดัดแปลงค้าน้ำมันในทะเลอ่าวไทยโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ทำการยึดเรือชัยชนะสิน 3 ได้ จำนวน 1 ลำซึ่งจากการตรวจสอบพบ น้ำมันดีเซลจำนวน 20,000 ลิตรและอาวุธปืนสั้น พร้อมควบคุมลูกเรือคนไทยอีก 3 คน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสงขลาทั้งหมด นำเรือและลูกเรือเดินทางกลับเข้าฝั่งเพื่อดำเนินคดีซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 โดยก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ถูกจับกุมในคดีเดียวกันเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้นายอำนวย หนึ่งในลูกเรือ ได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นไต๋เรือบรรทุกน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นน้ำมันที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำมาขายให้กับเรือประมงกลางทะเล ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม เป็นครั้งที่ 2
พล.ร.ต โสภณ รัชตาภิรักษ์ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวว่า พบเรือต้องสงสัยว่าจะทำการขายน้ำมันเถื่อนห่างปากร่องน้ำสงขลาประมาณ 50 ไมล์ทะเล จึงสั่งการให้ เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ และเฮลิคอปเตอร์เข้าตรวจสอบ พบเรือดังกล่าว จอดทอดสมอลอยลำอยู่ เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ จึงเข้าทำการตรวจสอบ ไม่พบเอกสารควบคุมเรือและเรือถูกดัดแปลงจากเรือประมงเป็นเรือบรรทุกน้ำมันเพื่อใช้ในการค้าน้ำมันเถื่อนกลางทะเล
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ถูกจับเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินคดี และครั้งนี้มาถูกจับเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งจากการสอบสวนลูกเรือยังไม่เปิดเผยข้อมูลว่าเป็นของใครและมีใครอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหลังจากนี้จะดำเนินการสอบสวนเพื่อสาวไปยังผู้เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลังต่อไป
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี 2 ข้อหา คือ ร่วมกันครอบครองสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนตามพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตมาตรา161 และดัดแปลงตัวเรือโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเอกสารประจำเรือตาม พ.รบ.เรือไทย พ.ศ. 2481 ส่วนอาวุธปืนขณะนี้กำลังดำเนินการตรวจสอบว่าถูกกฎหมายหรือไม่