ตร.ค้านประกัน"ครูหื่น"ข่มขืนเด็ก ป.6 ขู่ฆ่าล้างโคตร

2020-07-20 12:05:38

ตร.ค้านประกัน"ครูหื่น"ข่มขืนเด็ก ป.6 ขู่ฆ่าล้างโคตร

Advertisement

ตร.บุรีรัมย์ ค้านประกัน "ครูหื่น" ขู่ฆ่าล้างโคตรเด็ก ป.6 หลังลงมือข่มขืนก่อนให้กินยาคุมฉุกเฉิน

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวครูพละข่มขืนนักเรียนหญิงชั้น ป.6 แล้วซื้อยาคุมฉุกเฉินให้กิน ก่อนข่มขู่ถ้าบอกใครจะฆ่าล้างโคตร ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ แจ้งว่าผู้ปกครองของเด็กนักเรียนผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่กระทำชำเราผู้เสียหาย โดยเหตุเกิดภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง จว.บุรีรัมย์ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า จากนั้นเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามและกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน พร้อมยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนางรอง ขอฝากขังผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ส่วนกรณีที่สื่อนำเสนอเรื่องเพื่อนครูขอเจรจาแกมข่มขู่ขอให้จบเรื่อง ในวันนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ปกครองผู้เสียหายเข้าสอบปากคำในประเด็นนี้แล้ว พร้อมทั้งจัดสายตรวจตำบลไปดูแลความปลอดภัยผู้ปกครองและผู้เสียหาย




พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแแห่งชาติ ได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงในคดีมาประกอบคดีเป็นสำคัญ อีกทั้งขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทุกภาคส่วน ให้ใช้ความระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวและเอกลักษณ์ของเหยื่อที่เป็นเด็ก เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ ภาพ และข้อมูลอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะอาจเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายจนส่งผลกระทบด้านสภาพจิตใจ หากถูกสังคมหรือคนรอบตัวตอกย้ำเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อเป็นหลักประกันความปลอดภัย และความมั่นคงของผู้เสียหายต่อไป