ผลวิจัยล่าสุดของผู้เชี่ยวชาญชาติตะวันตก บ่งชี้ว่า ในปี ค.ศ. 2100 สิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 หรือตรงกับ พ.ศ. 2643 จะมีมนุษย์อาศัยอยู่บนโลกประมาณ 8.8 พันล้านคน น้อยกว่าคาดการณ์ขององค์การสหประชาชาติราว 2,000 ล้านคน และกว่า 20 ประเทศรวมถึงไทย ประชากรจะลดลงครึ่งหนึ่ง จากที่มีอยู่ในปัจจุบัน
รายงานผลการศึกษาวิจัยแบบกว้างขวาง โดยคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ นำโดยมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสารแลนเซต เล่มล่าสุด ระบุว่า เมื่อถึงสิ้นคริสต์ศตวรรษนี้ 183 ใน 195 ประเทศทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่มีนโยบายต่อต้านผู้อพยพต่างชาติ จำนวนประชากรจะลดลงอย่างมาก เนื่องจากแนวโน้มอัตราการเกิดต่ำ และจำนวนประชากรสูงวัยเพิ่มมากขึ้น
กว่า 20 ประเทศ รวมถึง ญี่ปุ่น สเปน อิตาลี ไทย โปรตุเกส เกาหลีใต้ และโปแลนด์ มีแนวโน้มประชากรจะลดลงอย่างน้อย “ครึ่งหนึ่ง” จากจำนวนที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยจีนประเทศประชากรมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน ที่ 1,439.6 ล้านคน อีก 80 ปีข้างหน้าคาดว่าจะลดลง เหลือประมาณ 730 ล้านคน
ส่วนแอฟริกามีแนวโน้มสวนทาง คาดว่าประชากรในทวีปจะเพิ่มขั้นราว 3 เท่าตัว โดยไนจีเรียประเทศประชากรมากที่สุดในทวีปในปัจจุบัน ที่ 206 ล้านคน จะเพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลกในขณะนั้น โดยอินเดียจะมีประชากรมากที่สุดในโลก ในปี พ.ศ. 2643 ที่ประมาณ 1,100 ล้านคน แม้จะลดลงจากปัจจุบัน 1,380.6 ล้านคน
องค์การสหประชาชาติ ทำนายว่า ประชากรโลกในปัจจุบัน 7,798 ล้านคน จะเพิ่มขึ้นเป็น 8,500 ล้านคนในปี พ.ศ. 2573 และขยับขึ้นสู่ 9,700 ล้านคนในปี 2583 และ 10,900 ล้านคนในปี 2643.