สุดอึ้ง! สาวใหญ่ชาว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ไร้บัตรประชาชนนาน 44 ปี
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 17 ก.ค. พ.ต.อ.ดุสิต วาลีประโคน ผกก.1 บก.ทท.3 พ.ต.ท.อภิรุ่ง เพรียรมงคล สว.กก.3 บก. ทท.1 พ.ต.ต.หญิง ณัชชารีย์ ศิริวารินทร์ สว.ฝอ.บก.ทท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ได้พา น.ส.สุทิน เกตุแก้ว อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 1 ต.บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เดินทางมายังสำนักทะเบียนที่ว่าการ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เพื่อขอเข้าทำบัตรประจำตัวประชาชนเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากก่อนหน้านี้ถูกหญิงชาวจีนสวมรอยบัตรประชาชนเพื่อให้มีสัญชาติไทยและนำไปประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ ทำให้นางสุทินเจ้าของสถานะทางทะเบียนที่แท้จริงได้สูญเสียสถานะทางทะเบียนและไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ไม่สามารถใช้สวัสดิการใดๆของรัฐได้มานานถึง 44 ปี โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จซึ่ง น.ส.สุทิน มีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา และโชว์บัตรประชาชนให้กับผู้สื่อข่าวดูอย่างภาคภูมิใจ
น.ส.ปทุม กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่กับป้าตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากพ่อแม่แยกทางกัน ก่อนหน้านี้ไปทำบัตรประชาชนพบไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร์ จึงไม่สามารถทำบัตรประชาชนได้ ตนก็ไม่รู้จะทำยังไง จากนั้นมาตนก็ไม่เคยได้รับสิทธิ์ใดๆของรัฐได้นับแต่นั้นมา ตนน้อยใจคิดว่าในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็จะอยู่อย่างนี้ไปจนตาย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายได้และดำเนินการคืนสถานะทางทะเบียนที่แท้จริงให้ ตนรู้สึกดีใจมากจากนี้ไปจะได้ใช้สิทธิ์ของรัฐได้เหมือนอย่างคนอื่นต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.อภิรุ่ง เพรียรมงคล สว.กก.3 บก. ทท.1 กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2562 ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย พ.ต.ต.หญิง ณัชชารีย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ได้ทำการตรวจบัตรของมัคคุเทศก์ และพบไกด์ทัวร์จีนหญิงคนหนึ่งที่ใช้บัตรมัคคุเทศก์ชื่อ น.ส.ทรรศนีย์ หรือปทุม เอี่ยมศรี มีลักษณะต้องสงสัยพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัด จึงทำการตรวจสอบทางทะเบียนราษฎร์และพบเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย ชื่อที่นำมาใช้เป็นของ น.ส.สุทิน ที่ผู้ต้องหาได้ทำการสวมบัตรประชาชนเพื่อให้มีสัญชาติไทย และนำไปประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ ทำให้ น.ส.สุทินได้สูญเสียสถานะทางทะเบียนและไม่มีบัตรประชาชนจนมาถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจึงทำการจับกุมเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย กระทั่งคดีสิ้นสุดลงสำนักทะเบียนกลางได้เพิกถอนสถานะทางทะเบียนของผู้ต้องหา และดำเนินการคืนสถานะทางทะเบียนที่แท้จริงให้แก่ผู้เสียหาย โดยเปลี่ยนชื่อจาก น.ส.สุทินมาใช้ชื่อทางทะเบียนที่แท้จริงที่ผู้ต้องหาหญิงชาวจีนนำไปใช้ก่อนหน้านี้คือ น.ส.ปทุม เอี่ยมศรี