"สุวัจน์" ชมสปิริต 4 รมต.ลาออกเปิดทางปรับ ครม. ขอทุกคนเสียสละ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป เคารพการตัดสินใจของนายกฯ ระบุวิกฤตครั้งนี้หนักที่สุด ต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศเดินต่อไป การเมืองใหม่ ต้องมีดรีมทีม คนไทยรอและฝากความหวังไว้
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์รายการคนหลังข่าว สถานีโทรทัศน์ TNN 16 ในประเด็นการปรับ ครม.ภายหลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ลาออก ว่า เป็นการเปิดทางให้มีการปรับ ครม. ไม่มีการขัดแย้งอะไรกันทำให้บรรยากาศการปรับ ครม. สมูท ผมคิดว่าทั้ง 4 ท่านไม่ได้มีเจตนาอะไร เพราะท่านลาออกจากพรรคก่อนและมาออกจากรัฐมนตรีและจากถ้อยแถลงเป็นการเปิดทางในการปรับ ครม. และทั้ง 4 ท่านเป็นทีมเศรษฐกิจมีความเข้าใจในความสำคัญของปัญหาที่ต้องมีการปรับ ครม.ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
"ผมมองว่าเป็นสปิริต ทางการเมือง ทำให้ท่านนายกฯมีความสะดวกใจในการปรับ ครม.ต้องอึดอัด ใครจะไปใครจะมา จะเป็นคนนอกหรือเป็นคนในพรรคพลังประชารัฐ จากนี้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นหัวหน้าทีมทั้งหมด จะต้องผ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่าวิกฤตโควิด เป็นความรับผิดชอบของท่านที่จะต้องตัดสินใจอย่างไร สมมติว่าบ้านเมืองมีความจำเป็นจะต้องปรับ ครม. ให้ท่านนายกรัฐมนตรี มีความสะดวกใจในการจะปรับ ครม. พูดกันตรงๆ เป็นเรื่องที่ดี ผมให้เครดิตทั้ง 4 ท่าน ได้สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ดี ผมมองว่าบรรยากาศในการปรับ ครม.ควรจะพิจารณาในแง่มุมไหน วันนี้บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ เหมือนที่ผ่านมา ผมอยู่การเมืองมาตั้งแต่สมัยท่านชาติชาย ชุณหะวัณ ประมาณปี 2531 จนถึงวันนี้ 30 กว่าปี ผมยังไม่เห็นเวลาใดที่บ้านเมือง วิกฤตเท่าเวลานี้ วิกฤตทั้งทางด้านสาธารณสุข โควิด วิกฤตด้านเศรษฐกิจ สมัยก่อนเรามีวิกฤตเศรษฐกิจ เป็นเรื่องต้มยำกุ้ง เกิดขึ้นเฉพาะสถาบันการเงิน ไม่ได้ลุกลาม ต่อมาเป็นเรื่องสินามิ 2546-47 ก็กระทบอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเรื่องเดียว ต่อมาก็เป็นเรื่องโรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก แต่ไม่มีขนาดของความรุนแรงที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน แต่วันนี้วิกฤตทั้งโควิด และเศรษฐกิจไปทั่วโลก ฉะนั้นถ้าบอกว่าภาวะบ้านเมืองในวันนี้ เป็นภาวะไม่ปกติ เป็นภาวะที่ทุกคนต้องแทคทีม เป็นดรีมทีม เหมือนตอนที่เกิดโควิดครั้งแรก ทุกคนให้ความให้ความร่วมมือ ตามคำแนะนำคุณหมอ เราถึงประสบความสำเร็จ อันนี้เป็นตัวอย่างทำไมเราต้อง แทคทีมกัน"นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า วันนี้จะไปเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งรอบแรกประชาชนคิดว่าชีวิตปลอดภัยจากโควิดแล้ว แต่เรื่องปากท้อง ต้องกินอยู่ คาดหวังว่ารัฐบาลต้องแก้ปัญหา ต้องการคนเก่งเข้ามาแก้ปัญหา ข่าวเรื่องปากท้องประชาชน รอฟังทุกวันและฝากความหวังว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ จะทำให้ เห็นแสงสว่าง ความเชื่อมั่นว่า นายกรัฐมนตรี กับทีมชุดใหม่ จะผ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ การปรับครม.ครั้งนี้ ผมคิดว่า อยู่บนความคาดหวังของประชาชนสูงมาก อันเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโควิด หมายความว่า บรรยากาศทางการเมือง เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจ จะต้องเข้าใจปัญหาของวิกฤต เข้าใจอารมณ์ของประชาชน ผมกำลังจะบอกว่าฝ่ายการเมืองหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บนพื้นฐานของการเสียสละ คือ 1. เสียสละที่จะไม่เป็น 2.เสียสละที่จะเป็น ถ้าเสียสละที่เป็น คือ ต้องการคนเก่ง คนดี มีความรู้ มีความสามารถ แต่ไม่อยากเข้าการเมืองเพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ การเมืองไม่ดี การเมืองถูกตรวจสอบ ถูกวิจารณ์ ทุกคนรู้สึกว่าไม่อยากเปลืองตัว เป็นงานหนัก งานท้าทาย เป็นงานที่ต้องเจ็บตัว ฉะนั้น ผมคิดว่าคนที่จะเข้ามาถ้าคุณเป็นคนเก่งแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ แม้นจะต้องเจ็บตัวถูกวิจารณ์บ้างทุกคนก็ต้องเสียสละ เสียสละที่จะต้องเข้ามาช่วยนายกฯ เสียสละที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล ต้องยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวบ้าง แต่ประเทศชาติได้ คุณก็เข้ามาเถอะ
“เราทำงานการเมืองทุกคนก็อยากประสบความสำเร็จ เมื่อมีโอกาสการทำงาน รับปากประชาชน ทำให้เรามีความรู้สึกว่าเป็นโอกาสของเรา แต่เนื่องจากมันมีวิกฤตโควิด เราต้องยอมเสียสละบ้าง ช่วงนี้ ปี สองปี ดูวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว มันจำเป็นต้องได้ทีมที่เหมาะสมกับปัญหาตรงนี้ หรือมีคนที่มีความสามารถกว่าเรา ถ้าเราเข้าใจบรรยากาศของบ้านเมืองเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจ เราก็ต้องสนับสนุนหรือเปิดโอกาส เสียสละให้เขา” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างเช่นเมื่อสองวัน ที่ทหารอียิปต์คนเดียววุ่นวายกันไปหมด แสดงว่า พี่น้องประชาชนคาดหวังกับการบริหารงานของรัฐบาลสูงมาก ต้องมาจัดการเรื่องโควิด มาจัดการเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าเราได้ดรีมทีม ทีมที่ดีที่สุด และท่านนายกฯเป็นหัวหน้าทีม เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เหมือนที่ผ่านมาเรามักจะติดลบ วันนี้ไม่ติดลบแล้ว เราเป็นบวก เราต้องเสียสละ ในที่สุดการเมืองต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ สมมติเป็นการเมืองในสภาวะปกติ เราเลือกตั้งกันแล้ว เกมในเรื่องสัดส่วนเป็นวัฒนธรรมทางการเมือง แต่วันนี้สถานการณ์มีความอ่อนไหว มีความจำเป็นในเรื่อง เศรษฐกิจ วิกฤตโควิด เราจะต้องฝ่าฝันกันไป จะต้องมีการปรับอะไรกันบ้าง เพื่อให้มีความเหมาะสม ผมก็คิดว่า นายกรัฐมนตรี เป็นผู้พิจารณาได้
เมื่อถามว่าปรับ ครม ครั้งนี้พรรคชาติพัฒนากังวลหรือไม่ นายสุวัจน์ ตอบว่า ไม่มีความกังวลอะไรเลย เพราะตั้งแต่พรรคชาติพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรอยู่แล้ว การเข้าร่วมรัฐบาลในครั้งนั้นก็ถือว่าท่านประยุทธ์ เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันนี้ก็เหมือนเดิม ไม่มีเงื่อนไข เป็นเรื่องของท่านนายกเลย มันเหมาะ มันควรอย่างไร ในสถานการณ์อย่างนี้ เหมือนทีมฟุตบอล ไม่ได้หมายความว่าคนนี้ไม่ดี ไม่เก่ง แต่วันนี้ กำลังสู้กับทีมไหน ถ้าสู้กับทีมนี้ ต้องใช้ผู้เล่นประเภทนี้ลง คุณเล่นมาแล้วคุณพัก ต้องอ่านสถานการณ์ อันนี้ต้องมอบให้ท่านเป็นผู้รับผิดชอบ สะดวกใจในการตัดสินใจ ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนาตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาล ท่านนายกฯ มอบหมายงานอะไรให้เราก็ทำ ไม่เคยต่อรองเรื่องตำแหน่งอะไร เราไม่ต่อรอง ให้ท่านสะดวกใจ เราไม่มีความอยากได้ เมื่อท่านนายกเป็นหัวหน้าทีม และคิดว่าพรรคชาติพัฒนามีประโยชน์อะไร ควรจะไปช่วยท่านในด้านไหน ท่านตัดสินใจได้เลย ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะเราไม่ได้เป็นพรรคที่มีเสียงอะไรมากมาย เราเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งก็เหมือนกับช่วยให้บ้านเมืองไปได้ เราเล่นการเมืองมา 30กว่าปี วันนี้ มันเป็นวิกฤตประเทศ วิกฤตโควิด วิกฤตเศรษฐกิจ ฉะนั้น การเมืองควรแสดงบทบาท เห็นว่าเราเข้าไปช่วยกันแก้ปัญหานี้ได้ ก็เป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้ช่วยกัน ผมคิดว่าถ้าทุกคนเสียสละ มอบให้ท่านนายกตัดสินใจได้เลย เวลาไม่ได้เหลือนานมาก เกือบครึ่งเทอมแล้ว วิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่ เดือนสองเดือนจะจบ เราต้องการดรีมทีม ต้องการทีมที่เสถียรภาพ มีความเข้าใจกัน ต้องร่วมมือกัน
“เรื่องเสียสละนึกถึงสมัยพลเอกชาติชาย ตอนนั้นท่านชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี และมีพรรคการเมืองถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลปี 2537-38 ตอนนั้นรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้อาจต้องไปเลือกตั้งใหม่ และท่านชาติชายก็ตัดสินใจเอาพรรคชาติพัฒนา เข้าร่วมรัฐบาล ที่เขาบอกว่า ” เสียบ” ท่านชาติชาย บอกว่า เสียบจริง แต่ เสียบเพื่อชาติ ที่มาของคำว่า เสียบเพื่อชาติ ท่านชาติชาย บอกว่าการเสียบเพื่อชาติ ของผม พรรคชาติพัฒนาขาดทุน แต่ประเทศชาติกำไร เราก็ดูวิธีคิด หรือประโยคของผู้ใหญ่ทางการเมือง ฉะนั้น ทำงานทางการเมือง เราก็ต้องยอมเจ็บ ยอมมีบาดแผล ยอมอะไรบ้าง มันไม่ใช่หนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อเราเข้ามาแล้วเป็นสิ่งที่ทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชน ผมอยากเชิญชวนคนเก่ง มากน้อยเพียงใด แต่ถ้าท่าน ได้รับการทาบทาม มาช่วยประเทศชาติได้ ผมว่าอย่าเพิ่งกังวลเรื่องการเมืองทำให้ท่านเสียหายหรือไม่ ท่านเห็นแก่ประชาชน เห็นแก่ประเทศ เข้ามาเลย ผมยินดีจะช่วยสนับสนุนเป็นกำลังใจ เราต้องการดรีมทีม เราต้องการคนเก่ง เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ชาติพัฒนา โนพร็อบเบลม”นายสุวัจน์ กล่าว