นับตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค. หรือ 3 เดือนหลังจากบราซิลตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรก ประเทศขนาดใหญ่สุดในลาตินอเมริกา มีผู้ติดเชื้อโดยเฉลี่ยมากกว่าวันละ 1,000 คน และนับถึงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.ค. กระทรวงสาธารณสุขบราซิลแถลงยืนยันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมในประเทศ สูงขึ้นเกิน 2 ล้านคนแล้ว และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 76,000 คน
แม้ว่าล่าสุดอัตราการติดเชื้อจะลดลง ในหลายเมืองขนาดใหญ่สุด และได้รับผลกระทบหนักที่สุดของบราซิล แต่เชื้อไวรัสระบาดหนักในพื้นที่ใหม่ทั่วประเทศ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปัจจัยหลักการระบาดรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ในบราซิล เกิดจากความไม่เชื่อในความร้ายแรงของโรค โดยประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล ซึ่งแพทย์ตรวจพบว่าคิดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน เมื่อวันที่ 7 ก.ค. นอกจากนั้นยังเกิดจากความหละหลวมในการประสานงาน ต่อต้านการระบาดของไวรัส ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งการเปิดธุรกิจใหม่เร็วเกินไป แม้จะถูกคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข
นายหลุยส์ เฮนริเก้ แมนเดตต้า อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขบราซิล กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตชาวบราซิล โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 7,000 คน ตลอด 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับเครื่องบินโดยสารอัดแน่นชาวบราซิลหลายลำ ตกทุกวัน
ตัวเลขล่าสุด ชาวบราซิลติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2,012,151 คน สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และเสียชีวิตแล้ว 76,688 คน และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การตรวจหาเชื้อที่ยังไม่ทั่วถึง ทำให้ตัวเลขน้อยกว่าความเป็นจริงหลายเท่า การจำลองแบบโดยคณะผู้เชี่ยวชาญของหลายสถาบันวิชาการของบราซิล ประเมินว่า ขณะนี้บราซิลอาจจะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 10 ล้านคน.