“สาวท้อง 6 เดือน” ร้องปวีณาฯ ถูกสามีซ้อมปางตาย

2020-07-16 16:55:41

“สาวท้อง 6 เดือน” ร้องปวีณาฯ ถูกสามีซ้อมปางตาย

Advertisement

สาวท้อง 6 เดือน ร้องมูลนิธิปวีณาฯ หลังถูกสามีซ้อมจนทนไม่ไหว คาดคนขับแท็กซี่สมรู้ร่วมคิด ให้ฝ่ายชายมาทำร้าย

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 16 ก.ค.  ที่สภานีตำรวจภูธรบางใหญ่ จ.นนทบุรี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา น.ส.จอย (นามสมมติ) อายุ 28 ปี เข้าพบ พ.ต.อ.สุรพจน์ รอดบำรุง ผกก.สภ.บางใหญ่ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จอย ถูกสามีคือนายอภิรัตน์ อายุ 25 ปี ทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 6 ก.ค.เวลา 21.00 น.ด้วยการจับกดหัว ต่อยตี อย่างรุนแรงจนร่างกาย ใบหน้า ศีรษะและตาบวมช้ำ อีกทั้งยังข่มขู่อีกว่า “ถ้าเเทงมึงตาย กูจะตืดคุกกี่ปี” จนทำให้ น.ส.จอย หวาดกลัว จึงเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ก.ค.63 เพื่อนของ น.ส.จอย ได้ขอความช่วยเหลือด่วน ให้มูลนิธิปวีณาฯพาไปแจ้งความ และตรวจร่างกาย และขอให้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากร่างกายบอบช้ำ ต้องนอนพักรักษาตัวจนถึงทุกวันนี้ และในวันนี้นอกจากจะมาติดตามดำเนินคดีสามีทำร้ายร่างกายแล้ว น.ส.จอย ประสงค์จะแจ้งความให้ตำรวจติดตามตัวคนขับTAXI มาดำเนินคดีในข้อหาช่วยเหลือฝ่ายชายจนทำให้ตนเองถูกทำร้ายจนแทบเอาตัวไม่รอด




ด้าน น.ส.จอย กล่าวว่า ตนรู้จักกับฝ่ายชายมาได้ประมาณ 1 ปี แต่เมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย.2563 ตั้งท้องได้ 3เดือน จึงตัดสินใจมาเช่าห้องอยู่กับฝ่ายชาย แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน นายอภิรัตน์ ทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด ซึ่งหลังครั้งล่าสุดวันที่ 31 ธ.ค.62 ถูกทำร้ายจนเข้า รพ.พระนั่งเกล้า พักรักษาตัว 11 วัน โดยมีอาการซี่โครงร้าว ม้ามแตก ตับฉีก แต่ตนไม่ได้แจ้งความ เพราะทุกครั้งที่ฝ่ายชายทำร้ายมักจะมีการพูดจาข่มขู่ และบอกว่ารู้จักกับตำรวจหลายคน อย่างมากก็เสียค่าปรับ จนกระทั่งวันที่ 6 ก.ค.63 เวลา 13.00 น. ตนได้ตัดสินใจที่จะเลิกกับฝ่ายชาย จึงได้มีการส่งข้อความไปบอกเลิก และบล็อกเบอร์โทรของฝ่ายชาย แต่ทางฝ่ายชายได้ให้น้องชายของตนเองโทรมาหา เพราะทางฝ่ายชายจะขอคุยเรื่องสิ่งของที่ยังอยู่กับฝ่ายชาย จากนั้นตนจึงปลดบล็อกเบอร์และได้มีการพูดคุยกับทางฝ่ายชายโดยตกลงยอมเลิกกันด้วยดี และขาดการติดต่อกันไป

น.ส.จอย กล่าวต่อว่า จนกระทั่งเวลา 21.02 น. หลังจากเลิกงาน จึงขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยไปดูหน้าออฟฟิศว่าฝ่ายชายมาดักรอหรือไม่ เพื่อนแจ้งว่าไม่มี มีแต่แท็กซี่จอดอยู่ 1คัน จึงรีบไปขึ้นรถแท็กซี่  และบอกคนขับแท็กซี่ว่าไปสนามบินน้ำ เพราะตนตั้งใจจะไปนอนบ้านแม่ แต่รถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับออกมาจากหน้าออฟฟิศแล้วเลี้ยวมาอีกทาง ตนจึงถามคนขับแท็กซี่ว่า ทำไมลุงเลี้ยวมาทางนี้ คนขับแท็กซี่บอกว่า แฟนหนูรออยู่ จากนั้นคนขับแท็กซี่ขับรถมาจอดต่อท้ายรถของฝ่ายชาย ตนสังเกตเห็นฝ่ายชายเดินลงมาจากรถ จึงขอร้องคนขับรถแท็กซี่ว่า อย่าเปิดล็อคประตูรถเพราะอาจตายได้ ขณะเดียวกันฝ่ายชายได้เดินมาเปิดประตูทางฝั่งที่ตนนั่ง แต่ตนได้ล็อคประตูไว้ทันทางฝ่ายชายจึงเปิดไม่ได้ แต่ทางคนขับแท็กซี่ได้เปิดล็อคประตูให้ ฝ่ายชายจึงเปิดประตูและมากระชากตัวตนลงจากรถ และได้จ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่ไป400บาท จากนั้นทางฝ่ายชายได้ฉุดกระชากตนเข้าไปในรถของเขา แล้วตบตี ต่อย จับหัวกดลง และพูดว่า ถ้าแทงมึงตายกูต้องติดคุกกี่ปี ตนกลัวจึงขอร้องไม่ให้ฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย ฝ่ายชายจึงขับรถมุ่งหน้ามาทางรังสิตบอกว่าจะไปบ้านแม่ของฝ่ายชายอยู่ที่คลอง10 ธัญบุรี เมื่อมาถึงประมาณคลอง1 จึงได้โทรไปหาแม่ ซึ่งทางแม่ของฝ่ายชายบอกว่า มีญาติมาอยู่หลายคนไม่สะดวก จากนั้นได้ขับรถพากลับมาที่ห้องเช่าแถวท่าอิฐ จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นห้องที่เช่าอยู่ด้วยกัน หลังจากทำร้ายร่างกายตนทางฝ่ายชายก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนถึงเช้าวันที่ 7ก.ค.63 เวลาประมาณ10.00น. ฝ่ายชายก็ขับรถมาส่งที่ออฟฟิศ จากนั้นทางเพื่อนร่วมงานได้เห็นร่องรอยการถูกทำร้ายจึงได้โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ เพราะตนต้องการเลิกกับฝ่ายชาย และขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด



นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า กรณีเคสของ น.ส.จอยนั้น ตนเป็นห่วงเรื่องสุขภาพและจิตใจของน้องจอย รวมทั้งลูกในท้อง และความปลอดภัย ดังนั้นทางมูลนิธิปวีณาฯจะให้การดูแลอย่างใกล้ชิด และจะทำการฟื้นฟูสภาพจิตใจ รวมทั้งต้องพาไปตรวจครรภ์ให้ครบตามกำหนด ซึ่งมูลนิธิปวีณาจะคุ้มครองน้องจอยและลูกในท้องให้ดีที่สุด ทุกวันนี้สถิติการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของมูลนิธิปวีณาฯ มีเรื่องการทำร้ายร่างกายภรรยา หรือแฟน เป็นอันดับหนึ่ง จึงขอให้ผู้หญิงที่คิดจะคบหากับใคร ควรเรียนรู้ความประพฤติ รู้จักครอบครัว ศึกษาประวัติ ลักษณะนิสัยของฝ่ายชายให้แน่ชัดก่อน เพราะบางคนมีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง ก่อนที่จะตกลงอยู่กินกับฝ่ายชาย โดยเฉพาะการมีบุตรด้วยกัน ต้องมีความรัก มีความพร้อมที่จะมีบุตรเสียก่อน มิฉะนั้นเด็กที่เกิดมาจะเป็นเหยื่อของสังคมที่ชั่วร้ายต่อไป