2 โจ๋ร้อง กมธ.กฎหมายถูก ตร.อุ้มชูป้ายวิจารณ์ “บิ๊กตู่”

2020-07-16 15:30:54

2 โจ๋ร้อง กมธ.กฎหมายถูก ตร.อุ้มชูป้ายวิจารณ์ “บิ๊กตู่”

Advertisement

2 โจ๋ระยองร้อง กมธ.กฎหมายถูก ตร.อุ้มปมชูป้ายวิจารณ์ “บิ๊กตู่” วอนหาคนผิดมาลงโทษ ชี้ จนท.ทำเกินกว่าเหตุ ด้าน "โรม" เด้งรับ จ่อเรียกผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ด้าน "ช่อ" กังวลเหตุที่เกิดขึ้นหนักกว่าทุกครั้ง


เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ. น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะที่ปรึกษา กมธ. รับหนังสือร้องเรียนจากนายภานุพงศ์ จาดนอก และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ แกนนำเยาวชนภาคตะวันออก ที่ชูป้ายเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาล ระหว่างการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)


นายภาณุพงศ์ กล่าวว่า เราสองคนไปชูป้ายเพื่อตั้งคำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการเยียวยาคน จ.ระยอง และจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไร โดยมีนักเรียน โรงเรียน ผู้ประกอบการห้างร้าน ที่พัก ใน จ.ระยอง ต้องหยุดกิจการกะทันหัน ส่งผลให้เศรษฐกิจของจังหวัดที่กำลังจะดีขึ้นต้องหยุดชะงัก เพราะแขกวีไอพีของท่าน เราจึงไปแสดงการตั้งคำถามกับท่าน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินทางมาไม่ถึงเราก็ถูกตำรวจจับโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แม้เราพยายามถามว่าเราผิดอะไร แต่ตำรวจก็อุ้มพวกเราออกไปขึ้นรถพร้อมบอกว่า "เดี๋ยวมีข้อหาให้เอง" ซึ่งเรารู้สึกว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองระยอง เพื่อแจ้งความให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการกับพวกเรา ซึ่งไม่รู้เลยว่าคดีจะมีความคืบหน้าอย่างไร เราไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับประชาชนอีก จึงต้องมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กมธ.ให้นำคนผิดมาลงโทษเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง


นายภาณุพงศ์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15ก.ค. ร่างกายเรา 2 คนบอบช้ำทั้งแขนข้างซ้ายและขวา และมีอาการเจ็บบริเวณหน้าอก จากการบีบรัดและฉุดกระชาก ซึ่งเราได้ตรวจร่างกายแล้วก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง แต่จิตใจนั้นแน่นอนว่าการที่เราโดนอุ้มแบบนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในประทศนี้ และเป็นห่วงชีวิตและครอบครัวของเรา เพราะที่ผ่านมาการทำกิจกรรมถูกคุกคามมาโดยตลอด ทั้งนี้ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แจ้งว่าจะเชิญเราทั้ง 2 คน ไปรับทราบข้อกล่าวหา โดยไม่มีการออกหมายเรียกแต่อย่างใด ซึ่งเราก็ได้แจ้งไปว่าไม่ว่างเพราะจะเดินทางมารัฐสภา โดยตำรวจระบุว่าได้ตั้งข้อหา 1.ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งๆ ที่เราไปกันเพียง 2 คน 2.ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการที่เราขัดขืนเพราะไม่รู้ว่าหากโดนอุ้มขึ้นรถแล้วจะถูกพาไปที่ไหน และจะเป็นเหมือนนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวที่ถูกอุ้มในกัมพูชาหรือไม่ และ3. หลบหนีการจับกุม ซึ่งหากหนีการจับกุมจริงก็ต้องมีมีการตั้งข้อหาและมีหมายเรียกมาก่อน


ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความกังวลให้ กมธ. เนื่องจากเราเชื่อว่าเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน เราเชื่อว่าประชาชนสามารถตั้งคำถามกับรัฐบาลได้ แต่เราในฐานะกมธ.ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงจะรับเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกมธ. เพื่อพูดคุยว่าจะเชิญใครเข้ามาชี้แจงบ้าง และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เพื่อที่จะนำผลการศึกษาเรื่องนี้รายงานต่อสภาฯ และนำเสนอ ครม.ต่อไป




น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นประชาชนนับล้านคนได้ติดแฮชแท็กแสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งกมธ.กังวลว่ากรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ เพียงเพราะประชาชนแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ และพูดในสิ่งที่รัฐไม่อยากได้ยิน โดยเฉพาะเมื่อมี พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ก็ใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา หนักหน่วงกว่าทุกครั้ง เพราะมีการล็อกคอลากคนขึ้นรถที่ไม่ใช่พาหนะของทางราชการ อีกทั้งผู้กระทำก็เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ในฐานะ กมธ.เรากังวล และจำเป็นต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง นอกจากนี้ เราเคยถามไปยังเจ้าหน้าที่หลายครั้งแล้วถึงมาตรการระงับเหตุ กรณีชุมนุมว่าเหตุใดจึงมีการใช้อำนาจรัฐกับคนที่เห็นต่างจากรัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากคนที่ชื่นชมรัฐบาล