"2 หนุ่ม"โชว์ป้ายไล่นายกฯ ส่องานเข้าถูกแจ้งหลายข้อหา

2020-07-16 14:20:57

"2 หนุ่ม"โชว์ป้ายไล่นายกฯ ส่องานเข้าถูกแจ้งหลายข้อหา

Advertisement

รองโฆษก ตร. ยัน "2 หนุ่ม" โชว์ป้ายไล่นายกฯ ที่ระยอง ทำความผิดซึ่งหน้า ยันเตรียมแจ้งหลายข้อกล่าวหา  

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการควบคุมตัวบุคคล 2 คน ที่อ้างตัวเป็นตัวแทนกลุ่มเครือข่ายเยาวชนภาคตะวันออก ยืนถือป้ายข้อความ เชิญชวนบุคคลอื่นมาชุมนุม เพื่อรอเจอกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองระยอง ว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เวลา 16.00 น. มีชาย 2 คนเชิญชวนบุคคลมาชุมนุมในโลกโซเชียล พร้อมกับชูป้ายแสดงข้อความซึ่งเป็นการแสดงความไม่พอใจ เนื่องจากเป็นคนระยองไม่พอใจกับสิ่งที่รัฐบาลกระทำ ที่บริเวณหน้าโรงแรมดิวารี ก่อนที่ นายกรัฐมนตรีจะมาตรวจสอบ และปฏิบัติราชการในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจอาศัยอำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีคำสั่งให้บุคคลทั้ง 2 ออกไปจากบริเวณดังกล่าวเพื่อรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญ และมีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า แต่ปรากฏว่าบุคคลทั้ง 2 ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคฯ กระทั่งมีการใช้กำลังในการควบคุมให้ออกนอกบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน แต่ก็สามารถควบคุมบุคคลทั้ง 2 ขึ้นรถยนต์เดินทางมาถึงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ระยอง จนได้ แต่ปรากฏว่าบุคคลทั้ง 2 ได้วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วมาปรากฏตัวที่บริเวณตลาดสตาร์พร้อมกับได้ทำการไลฟ์สด หลังจากนั้นจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม โดยกล่าวหา ว่า เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 แล้วส่งตัวให้แพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง เพื่อตรวจบาดแผลและทำการรักษา ก่อนที่จะสอบสวนเพื่อดำเนินการไปตามกฎหมาย




พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติม ว่า การกระทำของบุคคลทั้ง 2 ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าตั้งแต่ที่ได้มีการควบคุมตัวเพื่อมาดำเนินคดีภายหลังจากหลบหนีการควบคุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง ให้ดำเนินคดีความผิดฐานทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนด ซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ห้ามกระทำการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558, ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร และหลบหนีไประหว่างที่ควบคุมของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวน โดยจากนี้จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอฝากเตือนไปยังกลุ่มบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชนที่มีแนวคิดใช้คำหยาบคาย แสดงความก้าวร้าวในลักษณะสร้างความเกลียดชัง หรือใส่ร้ายป้ายสีผู้หนึ่งผู้ใด ถือเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะการอยู่รวมกันในสังคม ย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่เป็นการกระทำที่ไปกระทบสิทธิผู้อื่น อีกทั้งยังมีความห่วงใยเยาวชน ที่ถูกชักจูงให้ร่วมกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในสังคม จึงขอย้ำเตือนไปยังประชาชนให้ตั้งสติ และใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลในโซเชียลมิเดีย ซึ่งมั่นใจว่าหากมีการฝช้สติ จะไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีกอย่างแน่นอน