รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มระดับความขัดแย้งกับรัฐบาลจีนอีกเมื่อวันจันทร์ (13 ก.ค.) ด้วยการประกาศชัดเจน สหรัฐไม่ยอมรับการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ เหนือดินแดนเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ของปักกิ่ง โดยเด็ดขาด
ความเคลื่อนไหวของวอชิงตัน ซึ่งเป็นความพยายามสกัดกั้นการขยายอำนาจอิทธิพลของปักกิ่งในภูมิภาค ด้วยการใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือ ยิ่งจะเพิ่มความโกรธแค้นแก่จีน ที่กำลังหาแนวทางตอบโต้เอาคืน การคว่ำบาตรและการลงโทษในรูปแบบต่างๆ ของสหรัฐ
ความเคลื่อนไหวยังมีขึ้นขณะที่ทรัมป์ถูกโจมตีอย่างหนัก จากการตอบสนองการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และพรรครีพับลิกันสหรัฐ โหมโจมตีจีน ก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2020 ที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.ปลายปีนี้ ส่วนหนึ่งของแผนโจมตี เพื่อแสดงให้ชาวอเมริกันเห็นว่า อดีตรองประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ว่าที่ตัวแทนของพรรคเดโมแครต อ่อนด้อยในการต่อกรกับจีน
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐยืนยันนโยบาย กรณีพิพาทเหนือทะเลจีนใต้ ระหว่างจีนกับหลายประเทศเพื่อนบ้านขนาดเล็ก ควรแก้ไขโดยสันติวิธี โดยผ่านการตัดสินที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ แต่ในแถลงการณ์ที่ประกาศเมื่อวันจันทร์ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลสหรัฐถือว่า การอ้างกรรมสิทธิ์ของจีน เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ นอกเหนือจากเขตน่านน้ำนอกชายฝั่งจีน ผิดกฎหมายทั้งหมด
นโยบายที่เปลี่ยนไปของสหรัฐ ไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทเหนือผืนดินที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล ที่ถือว่าเป็น “ดินแดนอาณาเขต” โดยธรรมชาติ
ปอมเปโอ กล่าวว่า ทั่วโลกจะไม่ยอมให้ปักกิ่งยึดครองทะเลจีนใต้ เป็นกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว อเมริกาจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างกลุ่มประเทศพันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และปกป้องคุ้มครองสิทธิอธิปไตย ตามกฎหมายระหว่างประเทศ เหนือทรัพยากรนอกชายฝั่งของประเทศเหล่านี้
การประกาศของปอมเปโอมีขึ้น 1 วัน หลังวันครบรอบ 4 ปี คำวินิจฉัยชี้ขาดที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย ของคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ที่ให้ฟิลิปปินส์ชนะจีน ตามคำร้องคัดค้านการอ้างกกรมสิทธิของจีน เหนือดินแดนรอบหมู่เกาะสแปรตลีย์ รวมทั้งเกาะปะการังและโขดหินใกล้เคียง ในทะเลจีนใต้.