การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก คร่าชีวิตมนุษย์กว่า 5.7 แสนคนแล้ว และตัวเลขกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่รายงานผลการวิเคราะห์ชิ้นใหม่ขององค์การอ็อกแฟม กล่าวเตือนว่า วิกฤติอดอยากหิวโหย ที่เลวร้ายลงจากการระบาด อาจทำให้ชาวโลกเสียชีวิต ในแต่ละวันมากกว่าการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ
รายงานของอ็อกแฟม กล่าวว่า อาจจะมีประชาชนเสียชีวิตประมาณ 12,000 คนต่อวัน จากความอดยากที่เกี่ยวโยงกับไวรัสโควิด-19 ภายในสิ้นปีนี้ เปรียบเทียบกับข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ในสหรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 สูงสุดรายวันเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมาจำนวน 8,890 คน
นายชีมา เวรา รักษาการผู้อำนวยการบริหารองค์การอ็อกแฟม กล่าวในเอกสารที่แจกจ่ายต่อสื่อมวลชน ว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 คือฟางเส้นสุดท้ายของประชาชนหลายล้านคน ที่กำลังประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน จากผลกระทบของสงครามความขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ความไม่เท่าเทียม และระบบอาหารพังทลาย ซึ่งทำให้ผู้ผลิตอาหารและคนงานหลายล้านคน กลายเป็นผู้ยากไร้
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลกเลวร้ายลง ข้อมูลของโครงการอาหารโลก หรือ ดับเบิลยูเอฟพี (World Food Programme) ประเมินว่า ในปี พ.ศ. 2562 ชาวโลก 821 ล้านคนขาดความมั่นคงทางอาหาร และ 149 ล้านคนอดอยากหิวโหยใน “ระดับวิกฤติ” หรือเลวร้ายกว่า และตัวเลขส่วนนี้อาจสูงขึ้นถึง 270 ล้านในปี 2563 จากผลพวงการระบาดของโควิด-19
อ็อกแฟมระบุ 10 ประเทศและภูมิภาคของโลก ที่จะเผชิญกับภาวะอดอยากสุดขีด จากผลกระทบของโควิด-19 ประกอบด้วย เยเมน, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, อัฟกานิสถาน, เวเนซุเอลา, ภูมิภาคซาเฮลแอฟริกาตะวันตก, เอธิโอเปีย, ซูดาน, ซูดานใต้, ซีเรีย และเฮติ
แต่ผลกระทบทางลบจากการระบาด ต่อความมั่นคงทางอาหาร อาจรู้สึกได้ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางด้วย เช่น บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้.